ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 7 กันยายน …

ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 7 กันยายน 2566

ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 7 กันยายน 2566

การเมือง/มั่นคง

เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะแสดงความยินดีกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี

นายรอเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก (Mr. Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เข้าพบเพื่อแสดงความยินดีกับนายเศรษฐา ทวีสิน ในโอกาสที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยในโอกาสนี้ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการเข้าเยี่ยมคารวะครั้งนี้ด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณเอกอัครราชทูต ที่ร่วมแสดงความยินดี ชื่นชมความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทย-สหรัฐฯ ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาอย่างยาวนาน ขณะที่ เอกอัครราชทูตฯ สหรัฐฯ มุ่งหวังว่า ความสัมพันธ์ทวิภาคี ที่มีมาอย่างแน่นแฟ้นยาวนาน ตามที่ครบรอบ 190 ปี สถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างกัน จะต่อเนื่องทวีความมั่นคงต่อไป

นายกรัฐมนตรี หวังจะได้พบประธานาธิบดีไบเดน ในระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (78th Session of the United Nations General Assembly: UNGA78) และหวังว่าจะได้ให้การต้อนรับประธานาธิบดีไบเดนที่ประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้ พร้อมกันนี้ ทั้งสองฝ่ายพร้อมสนับสนุนการทำงานร่วมกันในทุกมิติ ที่จะทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกันแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การค้า การลงทุนและความท้าทายระดับโลก อาทิ วิกฤตสภาพภูมิอากาศ

วิป 3 ฝ่าย มีมติกำหนดวันประชุมแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา 30 ชั่วโมง

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เปิดเผยผลการประชุมวิป 3 ฝ่าย ประกอบด้วย วิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้านและวิปวุฒิสภา โดยที่ประชุมมีมติกำหนดวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ระหว่างวันที่ 11-12 กันยายนนี้ ตั้งแต่ 09.00 น. ถึง 24.00 น. ของแต่ละวัน โดยกำหนดกรอบเวลาการอภิปราย 30 ชั่วโมง แบ่งเป็นประธานรัฐสภา 1 ชั่วโมง คณะรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล วุฒิสภา ฝ่ายละ 5 ชั่วโมง และพรรคร่วมฝ่ายค้าน 14 ชั่วโมง

ด้านนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ทำหน้าที่ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ทุกฝ่ายเห็นตรงกันตามกรอบเวลาที่กำหนด ข้อมูลที่พรรคก้าวไกลเตรียมไว้เป็นการสอบถาม ตั้งข้อสงสัยและให้ข้อเสนอแนะ รวมถึงเรียกร้องสิ่งที่พรรครัฐบาลได้หาเสียงไว้ โดยเฉพาะเรื่องเศษรฐกิจปากท้อง สังคม การจัดสรรอำนาจและที่สำคัญทิ้งไม่ได้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ฝ่ายรัฐบาล ขอให้เป็นการแสดงความคิดเห็นไม่ใช่อภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ขอยืนยัน ว่าพรรคก้าวไกล ไม่ได้ตรวจสอบทุกวาระ หากฝ่ายรัฐบาลเคลียร์ได้ทุกประเด็น ก็จะคลายความกังวล เรื่องการบริหารแผ่นดินให้กับประชาชนได้

นายกรัฐมนตรียืนยันเป็นเรื่องดี ‘ฝ่ายค้าน’ ทำหน้าที่ตรวจสอบนโยบาย ช่วยให้รัฐบาลแข็งแกร่งขึ้น

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความชัดเจนในนโยบาย Digital Wallet 10,000 บาท ที่มีการอ้างถึงการยืมเงินรัฐวิสาหกิจมาดำเนินนโยบายว่า ตอนนี้ไม่อยากให้มีการพูดคุยกันไปหลายอย่าง จนทำให้เกิดความสับสน อีกทั้งยังไม่ได้เข้าบริหารงานอย่างเป็นทางการ อยากให้มีการแถลงนโบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาก่อน ขอให้ใจเย็นๆ ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงการพูดคุยกับภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเก็บข้อมูล ซึ่งเมื่อวาน (6 กันยายน) ก็ได้หารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้ให้ข้อมูลหลายเรื่อง รวมถึงให้คำแนะนำถึงการออก Digital Wallet แล้วในระยะกลางและระยะยาวระบบการเงินการคลังของประเทศจะเป็นอย่างไร ตัวเลขหนี้สาธารณะจะเป็นอย่างไร ซึ่งท่านก็เห็นด้วยว่า เป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นจึงต้องพูดคุยกันให้ชัดเจนก่อน ไม่อยากให้มีการพูดกันไปแล้วเกิดความเข้าใจผิด ส่วนแนวทางการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า เป็นการใช้ Blockchain อย่างแน่นอน โดยนโยบายนี้จะใช้ได้ภายในไตรมาสแรก ปี 2567

ส่วนกรณีพรรคก้าวไกล เชิญชวนประชาชนจับตาการแถลงนโบายรัฐบาลที่หลายเรื่องในตอนหาเสียงไม่ปรากฎอยู่ว่า ก็ขอให้ดูตอนแถลงนโยบาย ก็เข้าใจการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านที่มีหน้าที่ตรวจสอบ ซึ่งฝ่ายรัฐบาลก็มีหน้าที่อธิบายถึงขั้นตอนต่างๆ เท่าที่ทำได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เราอาสาเข้ามาทำงานการเมืองก็ต้องพร้อมที่ถูกตรวจสอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำงานของ ครม. ว่า ได้มีการพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องต่างๆ แล้วว่าจะมีการประชุม ครม. นอกสถานที่ แน่นอน แต่เมื่อไรและอย่างไรนั้นจะแจ้งอีกครั้ง สำหรับการประชุม ครม.เศรษฐกิจนั้นอาจไม่จำเป็นต้องมานั่งล้อมวงกัน ซึ่งเสียเวลาในการเตรียมการเรื่องเอกสาร แต่จะใช้วิธีการทำงานด้วยความรวดเร็วให้ทันสถานการณ์ โดยวิธีการจับกลุ่มแล้วพูดคุย หรือแยกตัวทำงานกันน่าจะดีกว่า อีกทั้งปัจจุบันมีวิธีการสื่อสารกันได้หลายวิธี ซึ่งมั่นใจได้ว่าทุกเรื่องจะเดินได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับแนวทางการลดราคาพลังงาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้อดใจนิดหนึ่ง เพราะขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่หลายเรื่องและกำลังพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งก่อนหน้านี้มีการประกาศสิ่งที่จะดำเนินการในการประชุม ครม. อย่างเป็นทางการนัดแรก ซึ่งจะต้องพิจารณาด้วยว่าสิ่งต่างๆ จะเริ่มใช้ได้จริงเมื่อไร หากพูดไปตอนนี้อาจมีความสับสน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาผู้จะมาเป็นโฆษกรัฐบาลที่จะมาทำหน้าที่พูดคุยสื่อสารที่จะไม่ทำให้สื่อมวลชนและประชาชนสับสน

นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเที่ยงวันนี้(7 ก.ย.)จะมีการพูดคุยกับทีมงาน ว่ามีเรื่องไหนอะไรที่จะต้องเร่งดำเนินการบ้าง โดยเฉพาะในการประชุม ครม. อย่างเป็นทางการครั้งแรก ดังนั้นจึงขอให้ใจเย็นๆ เพราะอยากจะพูดแล้วสามารถบอกวันที่เกิดขึ้นได้จริงๆ ด้วย จะได้ไม่เกิดความสับสน แต่ยืนยันว่าได้เห็นผลงานของรัฐบาลแน่นอน นอกจากนี้ ในวันนี้จะหารือกับเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อพิจารณาเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศว่าติดขัดอะไรหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงจะมีการพบกับเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยด้วย จึงขอให้มั่นใจได้ว่ารัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่

เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พร้อมรับนโยบายนายกรัฐมนตรี ในการออกสลากพิเศษ ระดมทุนสนับสนุนการศึกษา

พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า สำนักงานสลากฯ พร้อมรับนโยบายนายกรัฐมนตรี ในการออกสลากการกุศลเพื่อการศึกษา ตามที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้รับข้อเสนอของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ในการออกสลากการกุศล (สลากเพื่อความเสมอภาค) เพื่อระดมทุนสนับสนุนการศึกษา โดยจะมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลังและสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในวันที่ 8 กันยายน 2566 ทั้งนี้ เบื้องต้นการออกสลากการกุศลดังกล่าว ถือเป็นอำนาจคณะรัฐมนตรีและสามารถทำตาม พ.ร.บ.การพนัน ซึ่งสำนักงานสลากฯ พร้อมจะเข้าไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม

พันโท หนุน กล่าวด่วยว่า ปัจจุบันมีการออกสลากการกุศล งวดละ 11 ล้านฉบับ เพื่อช่วยการกุศล 16 โครงการ ซึ่งการออกสลากการกุศลเพื่อการศึกษา ตามนโยบายรัฐบาลดังกล่าว อาจจะใช้โควตาจากสลากที่ออกอยู่แล้วในปัจจุบัน หรือจะออกเพิ่มก็สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับมติคณะรัฐมนตรี

ยืนยันแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ดูแลสินค้าราคาเกษตรให้เหมาะสม ลดค่าครองชีพประชาชน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าทำงานที่กระทรวงพาณิชย์เป็นวันแรก หลังสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพบปะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงที่มาต้อนรับ

นายภูมิธรรม กล่าวว่า สำหรับวันนี้ (7 ก.ย 66) ได้พบปะพูดคุยกับปลัดกระทรวงพาณิชย์และอธิบดีทุกท่านเพื่อได้เรียนรู้และฟังข้อคิดเห็นต่างๆ สำหรับวาระงานต่างๆนั้น ยังไม่ได้มีการแบ่งงานกับรัฐมนตรีช่วยฯ โดยต้องรอให้การแถลงนโยบายเสร็จสิ้นก่อน โดยวาระเร่งด่วนที่กระทรวงพาณิชย์เร่งทำนั้น เป็นการหาแนวทางดูแลปากท้องของประชาชน ลดค่าครองชีพช่วงภาวะเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว แก้ไขปัญหาภัยแล้ง และราคาสินค้าเกษตร ทั้งพืชเศรษฐกิจ ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และยางพารา รวมถึงเร่งการเจรจา FTA ที่กำลังทบทวนและกำลังดำเนินการใหม่ด้วย ทั้งนี้จะมอบนโยบายและแนวทางปฏิบัติให้แก่ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ในวันที่ 14 ก.ย.นี้

สำหรับนโยบายเงินดิจิทัล เชื่อว่าพรรคเพื่อไทย จะใช้บล็อกเชน เป็นช่องทางในการจ่ายเงินให้กับประชาชน เพื่อให้สังคมได้ร่วมกันเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีดังกล่าว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียน ด้านนโยบายจำนำสินค้าต้องพิจารณานโยบายที่ผ่านมาก่อน เพราะการจำนำมีทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยจะใช้ผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก อย่างไรก็ตามจะหารือกรอบการทำงานและนโยบายในอดีตที่ผ่านมา เพื่อเตรียมวางแผนงานของกระทรวงในระยะต่อไป

TCEB ขานรับนโยบายรัฐบาลใหม่ มุ่งขับเคลื่อนฟรีวีซ่า กระตุ้นเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมไมซ์

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB เปิดเผยว่า ทีเส็บพร้อมรับนโยบายรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยจะทำรายได้เข้าประเทศปีนี้ให้ได้ถึง 1 แสนล้านบาท ตลอดปีงบประมาณ 3 ไตรมาสแรกของปี 2566 ซึ่งปัจจุบันตลาดต่างประเทศทำรายได้รวมแล้วกว่า 50,000 ล้านบาท โดยได้ตั้งเป้าหมายปี 2567 วางตำแหน่งประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางตลาดไมซ์คุณภาพสูง ซึ่งสามารถขับเคลื่อนได้ทันทีที่รัฐบาลใหม่ประกาศเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ทีเส็บเตรียมสนับสนุน 4 เรื่อง ประกอบด้วย ขับเคลื่อนเรื่องยกเว้นและ/หรือฟรีวีซ่า ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมไมซ์ของตลาดต่างประเทศที่เดินทางมาเข้าประเทศ อาทิ เป็นจำนวนมากอย่างสาธารณรัฐประชาชนจีน กำลังจะมีนักเดินทางเพื่อเป็นรางวัล จีนมาพัทยาของไทยปลายเดือนกันยายนนี้กว่า 5,000 คน รวมทั้งไมซ์ประเทศอื่นๆ ในทวีปไกลด้วย วางแผนกระตุ้นเศรษฐกิจไมซ์โดยพร้อมทำโรดโชว์และเทรดโชว์นำเอกชนกลุ่มผู้ประกอบการไมซ์ของไทยเดินทางไปทำตลาดทั่วโลก สนับสนุนการจัดงานเทศกาลยกระดับเป็นมหกรรมนานาชาติทำให้เกิด Festival Economy หรือผลตอบแทนกลับคืนสู่ระบบเศรษฐกิจประเทศกระจายลงสู่พื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ และวางกลยุทธ์พัฒนาไมซ์อย่างยั่งยืนและเร่งผลักดันอุตสาหกรรมไมซ์เข้าร่วมทำตามมาตรฐานคาร์บอนฟุตปริ๊นซ์และคาร์บอนเครดิต

เกษตรกรรม/สิ่งแวดล้อม

เร่งแก้ปัญหาราคามังคุดตกต่ำ ช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่นครศรีธรรมราช

นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาด้านการตลาดให้พี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกมังคุดในพื้นที่ ภายหลังที่ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นำทีมผู้บริหารลงพื้นที่นครศรีธรรมราช รับทราบปัญหาและมอบหมายให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กับกรมส่งเสริมสหกรณ์ รับผิดชอบในมาตรการระยะสั้น ให้เร่งการกระจายผลผลิตมังคุดไปสู่มือผู้บริโภคอาจจะเป็นมังคุดคละไซส์ หรือมังคุดขนาดจิ๋วที่เกิดปัญหาว่า สำหรับมาตรการในระยะยาว เกษตรกรได้ ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น ให้มีการแปรรูปมังคุดขนาดเล็ก มังคุดตกไซส์เป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงตั้งโรงงานรับซื้อมังคุดในขณะที่ไม่สามารถที่จะส่งออก หรือขายในตลาดอื่นได้ ในส่วนของสหกรณ์ที่ได้ดำเนินการรวบรวมมังคุด การดูแลผลผลิตของเกษตรกรตั้งแต่ต้นน้ำ ต้องพัฒนาด้านคุณภาพ GAP และเพิ่มจุดรวบรวมมังคุดในสหกรณ์ให้มากขึ้นแล้วกระจายให้เครือข่ายของสหกรณ์ก็ต้องทำต่อเนื่อง ซึ่งมาตรการเหล่านี้ที่ทำผ่านสหกรณ์ ไม่เฉพาะเรื่องของมังคุดเพียงอย่างเดียว ผลผลิตการเกษตรอื่นที่มีปัญหาเป็นประจำทุกปี ต้องวางแผนการด้านตลาดดำเนินการแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอนาคต

นอกจากนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้วางแผนแก้ไขปัญหาในพื้นที่ โดยมีเป้าหมายการรับซื้อมังคุด 710 ตัน จากสหกรณ์ที่รวบรวมมังคุดในจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 4 แห่ง ซึ่งได้เปิดจุดรับซื้อโดยการประมูล 5 จุด เพิ่มการรับซื้อเกรดตกไซส์และลูกดำ จะใช้กลไกสหกรณ์กระจายผลผลิตผ่านเครือข่ายสหกรณ์ จังหวัดละ 10 ตัน จำนวน 71 จังหวัดที่ไม่มีผลผลิตมังคุดในพื้นที่ ขณะนี้ได้สั่งจองมังคุดแล้วรวม 50 ตันทยอยจัดส่งตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน จำนวน 8.94 ตัน และจะทยอยจัดส่งจนถึงวันที่ 19 กันยายนนี้ และอยู่ระหว่างการประสานงานเครือข่ายเพื่อจัดส่งอีก 660 ตัน คาดไม่เกินวันที่ 20 กันยายนนี้ ผลผลิตจะถูกระบายออกได้ทั้งหมด ทั้งนี้ราคามังคุดในพื้นที่เริ่มขยับตัวสูงขึ้นจากนโยบายการช่วยเหลือของกระทรวงเกษตรฯ

สังคม

นายกรัฐมนตรี ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญกับสตรี หวังสร้างความเท่าเทียม

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดโอกาสให้ 14 หน่วยงานเข้าพบ อาทิ สมาคมสตรีไทยดีเด่นแห่งชาติ สมาคมชาวเหนือแห่งประเทศไทย สมาคมไหหลำ สมาคมนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย- เพชรบุรี กงสุลกิตติมศักดิ์ สหรัฐเม็กซิโก ประจำจังหวัดภูเก็ตเขตกงสุลภูเก็ต พังงา กระบี่ และนางเยาวเรศ ชินวัตร ที่มาร่วมอวยพรและแสดงความยินดีในการเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณทุกคำอวยพร ซึ่งเป็นกำลังใจอันยิ่งใหญ่สำหรับภารกิจที่หนัก แต่ดีใจที่ภาคสตรีเข้าใจว่ารัฐบาลของประชาชน ที่จะเข้ามาบริหารจัดการให้เร็วๆ นี้ ไม่ได้ดูแค่เศรษฐกิจอย่างเดียว โดยจะดูเรื่องของความเท่าเทียม สิทธิของสตรีด้วย ซึ่งในปัจจุบันนี้ประเทศประสบปัญหาเยอะ ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจเพียงเรื่องเดียว แต่ยังรวมถึงความไม่เสมอภาค ความไม่เท่าเทียม ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องเยียวยาจิตใจประชาชนทุกภาคส่วน รัฐบาลของเราเป็นรัฐบาลของประชาชน มีความตั้งใจจริงที่จะนำมาซึ่งความเสมอภาคเท่าเทียมและให้ความสำคัญกับสตรี การเข้ามาในวันนี้ก็จะสามารถลดทอนว่า ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่เศรษฐกิจอย่างเดียว แต่มุ่งไปที่สังคมความเท่าเทียมถือเป็นเรื่องที่สำคัญ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวขอบคุณ กงสุลกิตติมศักดิ์ สหรัฐเม็กซิโก ประจำจังหวัดภูเก็ต เขตกงสุลภูเก็ต พังงา กระบี่ ที่เดินทางไกลมาพบ ซึ่งเรื่องการท่องเที่ยวเป็นอีกเรื่องสำคัญ จึงอยากฝากการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวไว้ด้วย จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้รับมอบช่อดอกไม้จากแต่ละหน่วยงานที่นำมามอบให้

ผู้ประกันตนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพช่องปาก ใช้บริการทำฟันสิทธิประกันสังคมแล้วกว่า 2 แสนราย

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงการดำเนินงาน ด้านสิทธิประโยชน์กรณีผู้ประกันตนมาใช้บริการระบบทันตกรรมประกันสังคมแบบ “ไม่ต้องสำรองจ่าย” ล่าสุดเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา มียอดผู้ประกันตนมาใช้บริการแล้วกว่า 255,000 ครั้ง สำนักงานประกันสังคมจ่ายประโยชน์ทดแทนไปแล้วกว่า 228 ล้านบาท

โดยข้อมูลตัวเลขผู้ประกันตนที่มาใช้บริการกรณีทันตกรรมดังกล่าว จะเห็นว่าจำนวนการใช้สิทธิของผู้ประกันตนมีปริมาณสูงมาก แสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจในระบบจ่ายตรงให้กับสถานพยาบาลที่เข้าร่วมให้บริการแก่ผู้ประกันตน

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวย้ำสิทธิผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 สามารถใช้สิทธิประโยชน์กรณีทันตกรรม อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน ผ่าฟันคุด โดยไม่ต้องสำรองจ่ายในวงเงินไม่เกิน 900 บาทต่อคนต่อปี โดยให้สังเกต ป้ายสติกเกอร์ที่ระบุว่า สถานพยาบาลแห่งนี้ให้บริการผู้ประกันตนกรณีทันตกรรม “ทำฟัน” ไม่ต้องสำรองจ่าย

สำหรับกรณีผู้ประกันตนเข้ารับบริการกรณีทันตกรรม ในสถานพยาบาลที่ไม่ได้ทำความตกลงเรื่องการเบิกจ่าย ผู้ประกันตนสามารถยื่นขอรับประโยชน์ทดแทน ผ่านออนไลน์ได้เพียงแนบไฟล์ผ่านเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th พร้อมหลักฐานประกอบด้วย ใบเสร็จรับเงิน ใบรับรองแพทย์ พร้อมสำเนาสมุดบัญชีธนาคาร ประเภทออมทรัพย์ หน้าแรกที่มีชื่อ และเลขที่บัญชีของผู้ประกันตน หรือยื่นต่อสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขาทั่วประเทศ ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่เข้ารับบริการที่ระบุไว้ใน ใบเสร็จรับเงินและใบรับรองแพทย์ ผู้ประกันตนมีข้อสงสัยติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการตลอด 24 ชั่วโมง

ข้อมูลข่าวและที่มา

ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา

ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา

แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว