ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน …

ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566

ประมวลข่าวทั่วไทยประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566

การเมือง/มั่นคง

รัฐบาลเตือนผู้ที่นำถุงยางอนามัยที่ได้รับแจกฟรีมาขายต่อออนไลน์ ระวังถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) พบว่ามีผู้นำถุงยางอนามัยที่ สปสช. แจกฟรี ไปขายบนแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ชื่อดังในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการนำสิ่งของที่รัฐแจกฟรีให้แก่ประชาชนมาแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบและมีความผิดตามกฎหมาย

ขอเตือนให้หยุดการกระทำดังกล่าว เพราะการแจกถุงยางอนามัย เป็นหนึ่งในสิทธิประโยชน์ด้านการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ที่ สปสช. จัดให้แก่ชายไทยทุกสิทธิ ควบคู่ไปกับการแจกยาคุมกำเนิดและยาคุมฉุกเฉินแก่สตรีวัยเจริญพันธุ์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ซึ่งทั้งถุงยางอนามัยและยาคุมกำเนิด สปสช. แจกให้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

การฉวยโอกาสนำถุงยางอนามัยที่ได้รับฟรีมาขายต่อ จึงเป็นการกระทำที่ผิดวัตถุประสงค์ เอาเปรียบเบียดบังเอาสิ่งของที่ได้มาจากภาษีส่วนรวมมาหาผลประโยชน์โดยมิชอบขอให้ผู้ที่กระทำการในลักษณะนี้หยุดการกระทำโดยทันที หากพบว่ายังมีการนำถุงยางอนามัยที่ได้รับแจกฟรีมาขายต่ออีก สปสช. จะพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายจนถึงที่สุด

ขอเตือนว่า ผู้กระทำการดังกล่าว อาจถูกฟ้องร้องเสียทั้งเงินและอาจถึงขั้นติดคุกด้วย ในส่วนของประชาชนผู้ที่ต้องการใช้ถุงยางอนามัย สามารถขอรับถุงยางอนามัยได้ฟรี โดยลงทะเบียนใช้สิทธิในเมนู “กระเป๋าสุขภาพ” ในแอปฯ เป๋าตัง แล้วเลือกหน่วยบริการในระบบบัตรทองเพื่อไปรับถุงยางอนามัยได้ ทั้งคลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกเวชกรรม ร้านยา หน่วยบริการปฐมภูมิ คลินิกการพยาบาล รพ.สต. หรือในกรณีที่ไม่มีสมาร์ทโฟนก็สามารถนำบัตรประชาชนมาลงทะเบียนเพื่อรับยาคุมกำเนิด ณ หน่วยบริการในระบบบัตรทองได้เช่นกัน โดยสามารถรับได้ครั้งละ 10 ชิ้นต่อคน/สัปดาห์ และไม่เกิน 52 ครั้ง/คน/ปี

ตำรวจไซเบอร์จับแอดมินเฟซบุ๊กกับโบรกเกอร์ประกันภัยขายข้อมูลประชาชนมากกว่า 15 ล้านชื่อ

พลตำรวจโท ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพลตำรวจโท วรวัตน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยว่า ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 (สอท.5) ได้ขยายผลจากการจับกุมผู้ต้องหา 2 รายที่ขายข้อมูลส่วนตัวคนไทยรวมกว่า 17 รายชื่อ ซึ่งถูกจับกุมได้เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้อีก 3 รายในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี กาฬสินธุ์ และอุดรธานี ประกอบด้วยนายพศิน อายุ 41 ปี โบรกเกอร์บริษัทประกันภัย ที่นำข้อมูลลูกค้าประกันไปขายให้มิจฉาชีพ, นายณัฐพงศ์อายุ 28 ปี โปรแกรมเมอร์ผู้เขียนโปรแกรม API Bypass face scan เพื่อใช้ปลดล็อกการสแกนใบหน้าในแอปพลิเคชันธนาคารเพื่อให้โอนเงินจำนวนมากกว่า 50,000 บาทตามข้อกำหนดของธนาคารได้รวดเร็วได้โดยไม่ต้องสแกนใบหน้า มักใช้ในกลุ่มบัญชีม้าและกลุ่มพนันออนไลน์ ขณะนี้แอปฯยังใช้ได้กับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์บางรุ่น และนายยอด ชายอายุ 24 ปี เป็นแอดมินกลุ่ม Facebook นำข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้จากฐานข้อมูลเว็บพนันออนไลน์ไปจำหน่ายรวมกว่า 15 ล้านรายชื่อ และข้อมูลไปซื้อขายในดาร์กเว็บเพื่อทำกำไร

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในฐานความผิดเกี่ยวกับการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปเปิดเผยแก่ผู้อื่น เข้าถึงข้อมูลที่มีมาตรการป้องกันโดยเฉพาะโดยมิชอบ ทำให้เสียหาย เปลี่ยนแปลง ข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ และจัดให้มีการเล่นโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาตและเจ้าหน้าที่จะสืบสวนขยายผลไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมต่อไป

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์จำนวน 3 เครือข่าย จับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 27 ราย ทั้ง 3 เว็บมีผู้ติดตามรวมกว่า 55,000 คน มีเงินหมุนเวียนปีละกว่า 1,300 ล้านบาท สามารถอายัดทรัพย์สินได้กว่า 38 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบว่าทั้ง 3 เครือข่ายยังมีเว็บไซต์พนันในเครือข่ายอีกกว่า 30 เว็บ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบขยายผลต่อไป

เศรษฐกิจ/ท่องเที่ยว

ออสเตรเลีย ประกาศยุทธศาสตร์กระตุ้นการค้าการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยจะได้ประโยชน์

นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ออสเตรเลียได้ประกาศยุทธศาสตร์เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ปี 2583 ซึ่งจะช่วยกระชับความสัมพันธ์กับภูมิภาคอาเซียน ส่งเสริมการค้าการลงทุนให้เติบโตขึ้นและกระตุ้นการลงทุนของนักธุรกิจชาวออสเตรเลียให้ลงทุนในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงไทย โดยคาดการณ์ว่า หากมีการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันมากขึ้น มูลค่าการค้าจะขยายตัวถึงร้อยละ 6.3 หรือประมาณ 343 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2583 จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย ที่จะต่อยอดและขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนกับออสเตรเลีย

สำหรับยุทธศาสตร์ดังกล่าว ได้ระบุสาขาที่มีความน่าสนใจและมีศักยภาพในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนกับไทย เช่น เกษตรและอาหาร ซึ่งออสเตรเลียมีศักยภาพในการป้อนวัตถุดิบด้านเกษตรขั้นสูง การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานสีเขียว นักลงทุนออสเตรเลียสามารถเข้ามาลงทุนด้านเทคโนโลยีสีเขียว ยานยนต์ไฟฟ้า การผลิตแบตเตอรี และธุรกิจ BCG เศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ภาพยนตร์ เกม แอนิเมชัน ศิลปะ แฟชันและวัฒนธรรม และบริการสุขภาพ ที่เข้าสู่สังคมสูงวัย ทำให้มีโอกาสลงทุนทั้งเทคโนโลยีด้านการแพทย์ เวชภัณฑ์ทางการแพทย์และการฝึกอบรมดูแลผู้สูงอายุ

ปัจจุบันไทยและออสเตรเลีย มีความตกลงการค้าเสรี (FTA) ร่วมกัน 3 ฉบับคือ ไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) โดยในปี 2565 การค้าระหว่างไทยและออสเตรเลีย มีมูลค่า 18,315.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.27 สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบและอัญมณีเครื่องประดับ สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น ก๊าซธรรมชาติน้ำมันดิบและสินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์

ออมสินออกสินเชื่อคืนถิ่นแรงงานไทย ตามนโยบายรัฐบาล ดอกเบี้ย 1% ปลอดชำระเงินต้น 1 ปี

นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินออกโครงการสินเชื่อคืนถิ่นแรงงานไทย ตามนโยบายรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้เร่งช่วยเหลือแรงงานไทยในประเทศอิสราเอล ที่ได้รับผลกระทบและเงื่อนไขผ่อนปรน เพื่อให้แรงงานไทยนำไปชําระหนี้ที่กู้ยืมสำหรับการไปทํางานที่ประเทศอิสราเอล และ/หรือ นำไปลงทุนประกอบอาชีพอิสระ อาชีพค้าขาย ที่ไม่ใช่เกษตรกร เพื่อทดแทนการขาดรายได้ โดยให้กู้รายละไม่เกิน 150,000 บาท อัตราดอกเบี้ยต่ำแบบลดต้นลดดอก 1% ต่อปี ระยะเวลาชําระคืนเงินกู้ไม่เกิน 20 ปี โดย 12 งวดแรก ไม่ต้องชำระเงินต้น จ่ายแต่ดอกเบี้ยและไม่ต้องมีหลักประกันหรือใช้บุคคลค้ำประกัน ตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นความตั้งใจของรัฐบาล มุ่งหวังช่วยเหลือแรงงานไทยเกี่ยวกับภาระหนี้และค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการไปทํางานที่ประเทศอิสราเอล ให้คลายความกังวลและตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทย โดยติดต่อยื่นกู้ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ

ติดตามรายละเอียดได้ที่ www.gsb.or.th หรือสอบถามเพิ่มเติมที่ GSB Contact Center โทร. 1115

เกษตรกรรม/สิ่งแวดล้อม

มุ่งพัฒนาเชื่อมโยงข้อมูลห่วงโซ่อุปทานยาง รักษาเสถียรภาพราคา สร้างโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจยาง ให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเป็นรูปธรรมว่า ได้มอบแนวทางการยกระดับอุตสาหกรรมยางพารา โดยเน้นการผลิตและใช้ในประเทศมากขึ้น อาทิ ด้านการคมนาคมและภาคธุรกิจ รวมถึงการส่งเสริมให้มีการก่อสร้างโรงงานผลิตยางรถยนต์ในประเทศไทยและการปราบปรามการนำเข้ายางผิดกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญและยกระดับให้เป็นคดีพิเศษซึ่งจะขับเคลื่อนโดย DSI และ ปปง.

ด้านนายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การยางแห่งประเทศไทยขานรับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการบริหารจัดการผลผลิตยางภายในประเทศทั้งด้านการนำเข้าและการผลิต และการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (zoning) และส่งเสริมการใช้ผลิตยางในหน่วยงานภายในประเทศทั้งภาครัฐและเอกชน โดยการส่งเสริมนวัตกรรมการผลิตและการช่วยเหลือเกษตรและยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวสวนยาง ในการให้ความรู้ การช่วยเหลือแก่เกษตรให้เข้าถึงแหล่งทุน และการลดต้นทุนการผลิต ซึ่งขณะนี้การยางแห่งประเทศไทยมีผลักดันการพักหนี้เกษตรกรให้เป็นรูปธรรม เพื่อเป็นมาตรการเร่งด่วนในการช่วยเหลือเกษตรกร

สังคม

กระทรวงมหาดไทยเร่งรัด พิจารณาแนวทางลดภาระค่าน้ำ ช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน

นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ติดตามนโยบายในการเร่งรัดดำเนินมาตรการการลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ด้วยการช่วยแบ่งเบาภาระลดค่าน้ำ ค่าไฟ โดยในขณะนี้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวง ได้สนองนโยบายลดภาระประชาชน ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับได้ขยายเวลาถอดมิเตอร์ไฟฟ้าจาก 1 เดือนเป็น 3 เดือน เป็นการให้โอกาสประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยให้ได้มีไฟฟ้าใช้อย่างต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้การประปาฯ พิจารณาในแนวทางเดียวกัน หากการประปานครหลวง (MEA) และการประปาส่วนภูมิภาค (PEA) สามารถออกมาตรการที่คล้ายคลึงกันได้ ทั้งการลดค่าน้ำ การขยายเวลาถอดมิเตอร์ ก็จะช่วยประชาชนได้อีกทางหนึ่งด้วย

ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการช่วยเหลือประชาชนลดค่าใช้จ่าย ซึ่งค่าน้ำค่าไฟ ซึ่งเป็นรายจ่ายสําหรับสิ่งจําเป็นขั้นพื้นฐานในชีวิต หากทั้งการประปานครหลวง (MWA) และการประปาส่วนภูมิภาค (PWA) ดำเนินมาตรการต่างๆ คล้ายกับการไฟฟ้าได้ จะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม

ไทยและญี่ปุ่น พร้อมสนับสนุนพัฒนากำลังคนผ่าน “สถาบันโคเซ็น”

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และผู้บริหาร ร่วมให้การต้อนรับนายนิชิมูระ ยาซูโตชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น และคณะ ที่กระทรวง อว. พร้อมกล่าวว่า ไทยและญี่ปุ่น เป็นมิตรและหุ้นส่วนความร่วมมือที่สำคัญต่อกัน โดยในปี 2566 นี้ เป็นปีที่ทั้งสองประเทศประสานความร่วมมือภายใต้กรอบอาเซียน-ญี่ปุ่น ครบรอบ 50 ปี ซึ่งประเทศไทย ได้รับมอบหมายให้เป็น Country Coordinator ระหว่างปี 2564-2567 มีการจัดกิจกรรมขึ้นหลากหลายโครงการ และเมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้พบปะกับหน่วยงานภาคเอกชนและหน่วยงานพันธมิตรด้านอวกาศของประเทศญี่ปุ่น ในงาน Thailand Space Week 2023

ส่วนด้านการพัฒนากำลังคน กระทรวง อว. ได้จัดตั้งสถาบันไทยโคเซ็นในประเทศไทย ที่อยู่ภายใต้การดูแลของสถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น เพื่อผลิตวิศวกรนักปฎิบัติโคเซ็น ที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทั้งนี้ นักศึกษารุ่นแรกกำลังจะจบการศึกษาในปี 2567 พร้อมเชื่อว่า บัณฑิตจากสถาบันโคเซ็น จะเป็นที่ต้องการและได้ทำงานในภาคอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ พัฒนาภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายในประเทศไทย

นายนิชิมูระ ยาซูโตชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทยานยนต์ของญี่ปุ่นจำนวนมากเข้ามาลงทุนดำเนินธุรกิจในไทย และนับเป็นห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญนำไปสู่การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ร่วมกัน โดยนโยบายของญี่ปุ่น มุ่งเน้นการร่วมสร้างสรรค์ ผ่านโครงการความร่วมมือ เชิงนวัตกรรม ซึ่งประเทศญี่ปุ่นยินดีสร้างนวัตกรรม เพื่อนำไปสู่การร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่และสร้างสังคมที่เข้มแข็งของทั้งสองประเทศ

ปวดกระดูกคอ ปวดบ่า ไหล่ ร้าวลงแขน ชาและอ่อนแรง สัญญาณเตือนอาจเป็นโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม

นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอกดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลัง เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง หรือมีการฉีกขาดของเยื่อหุ้มหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอ อาจเกิดจากอุบัติเหตุ การขยับคอผิดจังหวะอย่างรวดเร็วและรุนแรง ซึ่งส่งผลให้ชิ้นส่วนของหมอนรองกระดูกสันหลังบางส่วนเคลื่อนหลุดออกมากดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลังได้ แบ่งอาการเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มกดทับเส้นประสาท ผู้ป่วยจะมีอาการ ปวดต้นคอ ร้าวไปตามต้นแขน แขนหรือมือ ผู้ป่วยที่มีอาการมากขึ้นอาจมีอาการอ่อนแรงแขนหรือมือได้ กับกลุ่มกดไขสันหลัง ผู้ป่วยจะมีอาการขาอ่อนแรง เดินลำบาก เวลาเดินจะมีอาการขาตึงๆ ชาตามลำตัว และลามไปถึงขาทั้ง 2 ข้างได้ ผู้ป่วยบางรายมีอาการมืออ่อนแรงร่วมด้วย โดยที่ไม่มีอาการปวดตามขาหรือแขนที่อ่อนแรง ส่วนอาการปวดคออาจจะมีหรือไม่มีก็ได้

ด้านนายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวว่า การรักษาการกดทับเส้นประสาท จะเริ่มจากการให้ผู้ป่วยรับประทานยาแก้ปวด แก้อักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ ร่วมกับการทำกายภาพบำบัด ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน รายที่ปวดมากอาจจำเป็นต้องใช้เฝือกอ่อนพยุงคอ เพื่อช่วยลดการขยับคอ แต่หากอาการปวดยังไม่หายหลังรักษา 6-8 สัปดาห์ หรือเริ่มมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อแขนหรือมือร่วมด้วย แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังเพื่อลดการกดทับเส้นประสาท ส่วนการรักษาโรคหมอนรองกระดูกสันหลังคอกดทับไขสันหลัง เนื่องจากไขสันหลังที่ถูกกดเป็นเวลานาน ผู้ป่วยอาจมีภาวะพิการหรืออัมพาตถาวรได้ ดังนั้น ประสาทศัลยแพทย์จะแนะนำผ่าตัดเกือบทุกราย ส่วนการผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังทางด้านหน้า (ACDF) เป็นวิธีที่ประสาทศัลยแพทย์นิยมและได้ผลดีที่สุด

กรมอนามัย เตือนวัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ต้องเน้นปลอดภัย รู้จักป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค โดยในปี 2565 พบสถานการณ์การติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มเยาวชนเพิ่มสูงขึ้น คาดมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 9,230 คน จำนวนนี้เกือบครึ่งเป็นเยาวชนกลุ่มอายุ 15-24 ปี

กรมอนามัย จึงเดินหน้าสร้างความรอบรู้ด้านเพศสำหรับเยาวชน “รักเป็น ปลอดภัย” ด้วย 4 แนวทางคือ Safe Virgin มีเพศสัมพันธ์เมื่อพร้อม Safe Sex หากจะมีเพศสัมพันธ์ ตนเองต้องปลอดภัย ใส่ถุงยางอนามัยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ Safe Abortion หากพลาดตั้งครรภ์ไม่พร้อม ปรึกษาหน่วยบริการฯเพื่อรับคำปรึกษา และ Safe Mom ฝากครรภ์คุณภาพ เพื่อลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย

ด้านนายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า วัยรุ่นไทยควรรู้จักรักให้เป็น รักให้ปลอดภัย รู้วิธีการดูแลเพื่อป้องกันตนเองและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ด้วยการให้เกียรติและเคารพทุกเพศ ไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์และจะป้องกันได้ดีที่สุด ถ้าใช้ถุงยางอนามัยร่วมกับวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ยาฝังคุมกำเนิดหรือห่วงคุมกำเนิด

ทั้งนี้ กรมอนามัยมีการส่งเสริมความรอบรู้ ด้านอนามัยวัยรุ่นและวัยเจริญพันธุ์ ผ่าน Line OA teen club เช่น ด้านเพศวิถีศึกษาและทักษะชีวิต การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น การคุมกำเนิดในวัยรุ่น สามารถเข้ารับคำปรึกษา เรียนรู้สร้างความรอบรู้ด้านเพศศึกษาและทักษะชีวิต โดย Add Line ได้ที่ @Teenclub

เตือนภัยพบการปลอมทองคำรูปแบบใหม่ ใช้ผงโลหะทังสเตนผสมในทองคำ แนะควรเลือกซื้อทองคำจากร้านที่เชื่อถือได้

นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า ได้รับรายงานพบกลโกงใหม่ในการขายทองคำปลอม โดยมิจฉาชีพจะใช้วิธีการนำผงโลหะทังสเตน ซึ่งมีน้ำหนักใกล้เคียงกับทองคำไปผสมในก้อนโลหะทองคำและหลอมเป็นทองคำ รวมถึงทำเป็นตัวเรือน โดยนิยมทำเป็นลักษณะทองรูปพรรณเก่าเก็บ ทำให้ผู้รับซื้อไม่สามารถแยกได้ด้วยตาเปล่า เพราะการตรวจสอบทั่วไป รวมถึงห้องปฏิบัติการตรวจสอบขนาดเล็กที่มีเครื่องมือไม่เพียงพอ ทำให้ยากต่อการตรวจสอบส่วนผสมดังกล่าว

ทั้งนี้ การปลอมทองคำ เริ่มมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบ เพราะปัจจุบันทองคำมีมูลค่าสูงกว่าบาทละ 34,000 บาท ทำให้มิจฉาชีพเข้ามาหาประโยชน์เพิ่มมากขึ้น โดยมีการปลอมทองคำในรูปแบบต่างๆ เช่น ทองเกรด A ทองไมครอน ทองโคลนนิ่ง ทองยัดไส้ และเครื่องประดับทองปลอม และล่าสุดการนำผงทังสเตนมาใส่ไว้ด้านในและด้านนอกเป็นทองคำแท้ ยิ่งทำให้ตรวจสอบยากขึ้น และมีร้านทองคำ มีโรงรับจำนำ ที่ถูกหลอกขายทองคำปลอมเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน

นายสุเมธ กล่าวว่า ในการซื้อขายทองคำหรือต้องการซื้อทองคำเพื่อลงทุน GIT มีข้อแนะนำให้เลือกซื้อจากร้านค้าที่ได้ใบรับรองคุณภาพจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสินค้าที่ซื้อไปมีคุณภาพ มาตรฐาน หรือเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ในโครงการซื้อด้วยความมั่นใจ ผ่านใบรับรอง GIT เพราะร้านเหล่านี้ มั่นใจได้ว่าขายสินค้าดี มีคุณภาพถูกต้องตามมาตรฐานที่กำหนด ส่วนการตรวจสอบทองคำ ปัจจุบันตรวจสอบเพียงตาเปล่าเพียงอย่างเดียวไม่ได้ โดย GIT ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ มีเครื่องมือขั้นสูงที่สามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจน เช่น กรณีนี้สามารถตรวจสอบว่าเป็นทองคำแท้หรือทองคำปลอมก่อนที่จะรับซื้อโดยไม่ต้องทำลายชิ้นงานด้วยเทคนิคเอกซเรย์ฟลูออเรสเซนต์ (XRF) ที่เป็นเทคนิคการวิเคราะห์ชนิดของธาตุและปริมาณธาตุในสารตัวอย่าง โดยวิธีการตรวจสอบนี้ ได้การรับรองกับสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรมแห่งชาติ (สมอ.) ในขอบข่ายการวิเคราะห์หาเปอร์เซ็นต์ทองคำ (Au) ที่ได้มาตรฐานและเชื่อถือได้

นายสุเมธ กล่าวเพิ่มเติมว่า การตรวจสอบว่าเป็นทองคำแท้ จะต้องนำไปหลอมเพื่อแยกธาตุเคมี หรือการตัดก้อนทองคำ เพื่อดูความเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งหากเป็นทองแท้ เมื่อตัดเนื้อทองออกมา จะเห็นได้ว่าผิวที่ตัดนั้น มีความเป็นเนื้อเดียวกัน มันวาวเป็นประกายทองคำ แต่หากตัดผ่าก้อนทองคำแล้วเห็นว่ามีการแยกตัวของชั้นโลหะ มั่นใจได้เลยว่ามีการผสมโลหะอื่นๆ เข้าไป

ข้อมูลข่าวและที่มา

ผู้สื่อข่าว : ธนพิชฌน์ แก้วกา

ผู้เรียบเรียง : ธนพิชฌน์ แก้วกา

แหล่งที่มา : หน่วยงานสำนักข่าว