เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 11 มี.ค. 2566 ที่วัดท่าหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย เขต 1 นายปุณยวัจน์ เหลืองวิจิตร เขต 2 นายภูดิท อินสุวรรณ์ อดีต ส.ส.พิจิตร พรรคพลังประชารัฐ เขต 3 นายวิชัย ด่านวิจิตร ร่วมสักการะหลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสนอายุกว่า 800 ปี ซึ่งหล่อทองด้วยสำริด โดยวัดท่าหลวง เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดพิจิตร สร้างขึ้นเมื่อปี 2388 ในสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3
ภายหลัง นพ.ชลน่าน น.ส.แพทองธาร นายเศรษฐา พร้อมคณะได้สักการะหลวงพ่อเสร็จสิ้น ได้มีประชาชนมอบภาพวาด ให้กับ น.ส.แพทองธาร ด้วย
จากนั้น น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ถึงการขึ้นเวทีปราศรัยที่จังหวัดพิจิตรว่า ก็คิดว่าวันนี้จะแนะนำนายเศรษฐา ให้ประชาชนได้เห็น ก็จะได้มาปราศรัยด้วยกันกับทีมพรรคเพื่อไทย ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นที่ปรึกษาและอยู่ในทีมเศรษฐกิจด้วย
ด้าน นายเศรษฐา ระบุถึงการขึ้นเวทีปราศรัยที่จังหวัดพิจิตรเป็นครั้งแรกว่า “ก็จริงๆ แล้ว เรื่องที่จะพูดไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นครั้งแรกที่จะได้พบปะกับพี่น้องประชาชนในเวทีใหญ่”
ถามว่า ได้ปรึกษากับ น.ส.แพทองธาร ที่เจนในเวทีปราศรัยแล้วหรือไม่ ทำให้ น.ส.แพทองธาร ตอบทันทีว่า “โอ้โห เกินไปๆ คุณเศรษฐาก็พูดบ่อยอยู่แล้วในเวทีธุรกิจ” ขณะที่นายเศรษฐา บอกว่าการปราศรัยเมื่อพูดออกมาก็ไหลลื่นไปเอง แต่การปราศรัยจะคนละโทนกับเวทีธุรกิจ
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “เขาเพิ่มความตื่นเต้นให้เรา” ขณะที่นายเศรษฐากล่าวว่า คงไม่ต้องมีมุกอะไรในการปราศรัย เพราะก็เป็นความจริงที่ปรากฎอยู่ในบ้านเมืองอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า พื้นที่ ส.ส.เขตที่ผ่านมาเป็นของพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทยจะทำให้แลนด์สไลด์ใน จ.พิจิตรได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร ระบุว่า เรามีความมั่นใจอย่างมาก ในนโยบายของเรา โดยคนที่เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร 3 เขตนั้น ครั้งนี้เราก็มีความมั่นใจแต่ก็ต้องได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนและพรรคก็ขอ ส.ส.ทั้ง 3 คนด้วย
นายเศรษฐา กล่าวถึงกรณีนายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ออกมาเตือนหาก เป็นนักการเมืองต้องทิ้งภาพนักธุรกิจว่า ก็เป็นคำเตือน ซึ่งน้อมรับ โดยการที่ตนเข้ามาทำงานการเมืองก็มีขั้นตอนจะสลัดภาพ ตัวเองออกจากนักธุรกิจออกไป ไม่ว่าจะเป็นการลางานโดยไม่รับผลตอบแทนโอนหุ้นให้บุตรธิดา ก็ต้อง ดำเนินการจ่ายภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว แสดงความบริสุทธิ์ใจ ส่วนในระยะยาวก็ขอให้ดูกันต่อไปแล้วกัน ก็ขอขอบคุณสำหรับคำเตือนของนายวันชัย ก็จะไม่ลืมจะปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อเอาบ้านเมืองและประชาชนเป็นที่ตั้ง
ถามย้ำว่า ถ้าสลัดภาพไม่ออกก็จะซ้ำรอยเหมือน ดร.ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ระบุว่า “ผมตอบไปแล้วนะครับ ก็เป็นคำตอบอย่างนััน ก็ขอให้ดูไป” เมื่อถามย้ำอีกว่า ไม่กังวล จะซ้ำรอยเดิมกับที่พรรคเพื่อไทยเคยเจอมา นายเศรษฐา ระบุว่า ตนคิดว่าระยะเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์อย่างหนึ่งว่า ในอดีตได้เกิดอะไรขึ้น หลายๆ เรื่องไม่ว่า การรัฐประหาร การปกครองบ้านเมืองที่จริงๆแล้วเราก็ต้องดูกันไป ส่วนตนเพิ่งเข้ามา ยังไม่ได้เป็นอะไรนอกจากประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยเท่านั้น
น.ส.แพทองธาร กล่าวเสริมว่า สิ่งที่ตนเองเห็นก็คือ ดร.ทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองอย่างมากมาย การที่เรายังขึ้นเวทีพูดถึงนโยบายเมื่อ 20 ปีที่แล้วยังสามารถใช้ได้และเพิ่มเทคโนโลยีเข้าไป ตนคิดว่าจะเป็นตัวพิสูจน์ว่าประชาชนได้รับประโยชน์อะไรบ้างจากดร.ทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เคย เป็นนักธุรกิจมาก่อนก็แล้วแต่มุมมองของคน ตนก็รับฟังเช่นกัน
ถามถึงกรณี นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทยที่ออกมาขย่มรายวัน นายเศรษฐา ต้นคิดว่าเป็นการเตือนมาแล้ว คงคิดว่าไม่มีอะไร ตนก็ขอน้อมรับไว้ และตนได้ตอบไปแล้วในหลายๆคำถาม ยืนยันไม่ได้กังวลใดๆ ตนรู้จักนายชูวิทย์ เพราะเป็นนักธุรกิจมา 30 กว่าปี รู้จักคนเยอะก็คงเป็นคำเตือน วิธีการเตือนของแต่ละคนก็แตกต่างกันไปซึ่งก็ขอน้อมรับไว้ ทั้งนี้คงไม่จำเป็นต้องไปสื่อสารกับ นายชูวิทย์เพราะสิ่งที่นายชูวิทย์ได้พูดออกมานั้นก็เป็นการเตือนอยู่แล้ว ตนก็รับฟังแล้ว
“ผมว่าการที่ก้าวเข้าไปจากการเป็นนักธุรกิจการเมืองและเปลี่ยนบทบาทเป็นนักการเมืองจะบอกว่าไม่กลัวอะไรเลยมันก็ไม่ใช่ก็ยอมรับว่ามันมีความหวาดระแวงกลัวมากที่สุดกลัว แต่ที่กลัวมากที่สุดก็คือกลัวว่าจะไม่สามารถทำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนได้ เพราะฉะนั้น เพราะฉะนั้นการลงพื้นที่วันนี้คือการมาพบปะกับพี่น้องประชาชนประชาชนพบกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ น่าจะเป็นบันไดขั้นหนึ่งที่ส่งต่อให้เรา มีสิทธิ์เข้าไปจัดการบริหารบ้านเมือง หวังว่าพี่น้องชาวพิจิตรคงจะเลือกพรรคเพื่อไทยยกทั้ง 3 เขต เพื่อให้ ส.ส. 310 เสียง ถือว่าเป็น คำเตือนเพราะเราอยู่ในพื้นที่ของสาธารณะที่ต้องรับคำเตือนคำแนะนำอยู่ที่การปฏิบัติตัวของตัวเราเองมากกว่า”
- ชาวพิจิตรแห่ฟังปราศรัยใหญ่ล้นหลาม “ณัฐวุฒิ” เผย 17 มี.ค.นี้ ประกาศนโยบายใหญ่
วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยเปิดเวทีปราศรัย “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน” ที่วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร อ.เมือง จ.พิจิตร ท่ามกลางประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่นเกือบ 20,000 คน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ของพรรคเพื่อไทย ที่ได้ประกาศต่อที่ประชุมไว้ว่า ชูธง ปักชัย แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน 310 เสียงขึ้นไป ขอให้พี่น้องประชาชนเข้าไปกาในคูหาให้เกิดขึ้นมาจริงๆ หากเพื่อไทยไม่ได้ 310 เสียง ชาวพิจิตรจะต้องอยู่กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปอีก 4 ปี เอาหรือไม่ ก่อนหน้านี้ไม่กล้าประกาศ ขอเพียงได้ 250 เสียง เพื่อเอาชนะ ส.ว. 250 คนเท่านััน แต่จากการรณรงค์พบปะพี่น้องประชาชนและการสำรวจของหลายสำนัก เพื่อไทยอาจได้ถึง 270 เสียงขึ้นไป อยากขอให้พี่น้องช่วยกันขยับเป้าหมายไปที่ 310 เสียง เพื่อปิดกั้นการกลับมาของพลเอกประยุทธ์ให้สิ้นซาก ช่วยกันจัดตั้งรัฐบาลของชาวพิจิตรและชาวไทยทุกคน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความมั่นใจและภูมิใจกับผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 3 เขตของพิจิตร ว่าเป็นคนที่อยู่กับพี่น้องประชาชน ทำงานกับพี่น้อง โดยเขตเลือกตั้งที่ 1 คือรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายปุณยวัจน์ เหลืองวิจิตร เขตเลือกตั้งที่ 2 อดีต ส.ส.ภูดิศ อินทร์สุวรรณ และเขตเลือกตั้งที่ 3 อดีต ส.จ. วิชัย ด่านรุ่งโรจน์ ทั้ง 3 คนคือโอกาสและความหวังของพี่น้องชาวพิจิตรยกจังหวัด เชื่อว่าการเลือกตั้งจะไม่เกิน 14 พฤษภาคม นี้ ขอให้กา ส.ส. พรรคเพื่อไทยทั้ง 3 เขต และกาบัญชีรายชื่อเพื่อไทย โดยจำสัญลักษณ์ให้ดี เจอสัญลักษณ์นี้กาทันที
“พรรคเพื่อไทยมีความจำเป็นต้องจับมือกับพี่น้องประชาชน ยืนยันว่าเราไม่ยอมจับมือกับพลเอกประวิตร เพื่อไทยพรรคเดียว ขอให้พี่น้องมั่นใจกับคนที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทย ถ้าไม่ได้ 310 เสียง เราจะไม่มีอำนาจ ถ้าทำได้จะได้นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย” นพ.ชลน่าน กล่าว
นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค ประธานคณะทำงานด้านกฎหมาย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยกำลังเดินเข้าสู่วิกฤต ถ้าไม่เปลี่ยนรัฐบาล ไม่เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีคนนี้ออกไป ประเทศจะตกต่ำจนยากแก้ไข ซึ่งตัวชี้วัดวิกฤต 3 ประการสำคัญคือ
1. วิกฤตเศรษฐกิจ ทั้งผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศตกต่ำลงต่อเนื่องทุกปี รายได้พี่น้องลดลง ราคาพืชผลการเกษตรลดลง แต่ค่าครองชีพ ค่าน้ำมัน ค่าก๊าซหุงต้ม ค่าไฟฟ้าที่เป็นต้นทุนการผลิตทั้งในภาคอุตสาหกรรมและสิ่งจำเป็นในชีวิตพื้นฐานกลับมีราคาสูงขึ้น
2. วิกฤตยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง ในโรงเรียนพบเห็นลูกหลานพี้กัญชายาบ้า นำไปสู่อาชญากรรมรุนแรง มีการก่ออาชญากรรมในที่สาธารณะอย่างอุกอาจ
3. วิกฤตทุจิตคอร์รัปชัน ในระบบราชการทุกวันนี้เต็มไปด้วยทุจริตประพฤติมิชอบและตรวจสอบไม่ได้ และที่น่ารังเกียจที่สุดคือ การซื้อขายตำแหน่งในระบบราชการอย่างเอิกเกริก จะเป็นผู้บริหารหน่วยงานรัฐต้องเสียเงินซื้อขาย คนได้ตำแหน่งเสียเงินไปก็ต้องมีรีดไถเอาจากผู้ใต้บังคับบัญชาและพี่น้องประชาชน
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า วิกฤตทุจริตคอร์รัปชัน ลุกลามเข้ามาถึงในสภาผู้แทนราษฎร เพราะทุกวันนี้ลิงมากินกล้วยในสภา ลิงไม่กินข้าวแล้ว รอกินกล้วยกันเป็นล่ำเป็นสันตอนฤดูอภิปรายไม่ไว้วางใจ และที่น่าเกลียดที่สุดคือเรื่อง ส.ส. วันนี้เป็น ส.ส.พรรคนี้ แต่วันดีคืนดีไปนั่งกับอีกพรรคหนึ่ง โดยเป็น ส.ส.เหมือนเดิม เราเองอยากจะขับไล่ เขาก็อยากให้ขับไล่ไวๆ เพราะหากขับไล่แล้วเขาก็จะได้ไปกินกล้วยเครือใหญ่ๆ
ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตยาเสพติด ตลอดจนทุจริตคอร์รัปชันที่ลุกลามไปทั่วประเทศเข้ามายังในสภาผู้แทนฯ เป็นความเลวร้ายที่เราทุกคนต้องร่วมมือช่วยกันเปลี่ยน คือเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนนายกรัฐมนตรี เราเห็นแล้วว่านายกฯคนเดิมยึดอำนาจมา สร้างรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจตั้งส.ว.มาสืบทอดอำนาจตัวเอง เราต้องร่วมมือกันเอาระบอบประยุทธ์นี้ออกไปเสียที
“เราต้องการผู้นำที่ก้าวทันโลก มีความรู้ความสามารถ และวันนี้เราก็เห็นกันอยู่แล้วว่าคุณสมบัติผู้นำรัฐบาลที่ถึงพร้อมมีอยู่ในบุคลากรของพรรคเพื่อไทย ดังนั้น พี่น้องชาวพิจิตรต้องเลือกเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ เพื่อป้องกัน ส.ว.และพรรคเสียงข้างน้อยไปตั้งรัฐบาลแบบหน้าด้านแข่งกับเรา เราจึงต้องแลนด์สไลด์ เพื่อไทย 2 ใบ 310 เสียงขึ้นไปเท่านั้น” นายชูศักดิ์ กล่าว
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยทราบดีว่าพี่น้องเจอปัญหามากมาย เพื่อไทยจะแก้ปัญหาให้ชาวเกษตรกร เรามีนโยบายพักหนี้เกษตรกร 3 ปี และเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร 3 เท่า ผ่าน 3 ดี ได้แก่ ดินดี น้ำดี เมล็ดพันธุ์ดี เพื่อให้ราคารสินค้าเกษตรดีถ้วนหน้า ราคาผลิตภัณฑ์ขึ้นยกแผง และจากปัญหาที่กินทำกิน พรรคเพื่อไทยมี 4 ขั้นตอนที่จะทำให้ชีวิตของพี่น้องประชาชนดีขึ้นได้ คือ
1. นำเทคโนโลยีมาใช้ในการพิสูจน์สิทธิ์อย่างเป็นธรรม
2.จัดสรรที่ดินสำหรับผู้ที่ไม่มีที่ดินทำมาหากิน
3. แก้กฎหมายที่ขัดต่อความเป็นธรรม เป็นอุปสรรคในการทำมาหากินของประชาชน
4. ที่ดินของรัฐที่ไม่ได้ใช้ จะถูกจัดสรรให้พี่น้องประชาชนได้มีที่ดินทำกินถ้วนหน้า
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า เกษตรกรต้องมีลดต้นทุนลง ราคาสินค้าเกษตรต้องดียกแผง ข้าวราคาดี ปุ๋ยราคาถูก พรรคเพื่อไทยมีนโยบายนำนวัตกรรมมาเสริม เวลานาล่มก็ไม่ต้องเสียเงิน มีทุนมาให้ทำเกษตรกรรมต่อเนื่อง เราเล็งเห็นปัญหาและพร้อมแล้วที่จะแก้ไขปัญหานี้ให้กับพี่น้องประชาชนในทุกช่วงอายุ ช่วงวัย ช่วงอาชีพ จึงขอฝากผู้สมัครทั้ง 3 เขตของพิจิตรให้แลนด์สไลด์ทั้งจังหวัดพิจิตร
“คุณเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย บุคคลท่านนี้เรามั่นใจได้เลย ว่า เศรษฐกิจ ของประเทศไทยจะขึ้นอย่างแน่นอน” น.ส.แพทองธาร กล่าว
นายเศรษฐา ขึ้นปราศรัยครั้งแรกที่เวทีพิจิตร คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทย ทุกคน ในวันนี้ว่า รู้สึกเป็นเกียรติ และรู้สึกอบอุ่นที่ได้รับการตอบรับที่ดี เป็นความภูมิใจ มีความซึ้งใจเป็นอย่างมาก วันนี้ตนมีหัวใจที่รักพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่เอาเผด็จการ ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ตนในฐานะนักธุรกิจที่สั่งสมประสบการณ์มากว่า 30 ปี ต้องก้าวออกมาจากวงการธุรกิจ และมาทำเพื่อบ้านเมือง
ทั้งนี้ในระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมายาวนานมาก สูญเสียโอกาส รายได้ลดลง รายจ่ายสูงขึ้น ยาเสพติดระบาดทั่วทุกระแหง ลูกหลานไม่เห็นอนาคตประเทศ คนที่มีความสามารถในการย้ายถิ่นฐานย้ายประเทศ บุตรหลานไม่อยากมีลูก เพราะไม่อยากเห็นอนาคตที่ไม่สดใจ คนแก่เฒ่าเกษียณอายุ มีเงินเก็บไม่พอเลี้ยงดูตัวเองอย่างมีความสุข มีศักดิศรีได้ในสังคม ไทยเคยเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย วันนี้เราถดถอยขนาดไหน มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม จีดีพีเติบโตมากกว่าเรามโหฬาร ประเทศไทยไม่มีเวทียืนในเวทีโลก ผู้นำไม่เคยออกไปเปิดตลาดขายสินค้า เปิดตลาดใหม่ๆ เป็นความคับแค้นใจของพวกเรา
นายเศรษฐา กล่าวว่า ในอดีต พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน ทำนโยบายนำ นำความเจริญรุ่งเรืองให้พี่น้องประชาชนทุกคน วันนี้พรรคเพื่อไทยภายใต้สโลแกนคิดใหญ่ ทำเป็น เคยทำ และหวังว่าจะได้ทำ มาขอเสียงพี่น้องประชาชนสู่จุดมุ่งหมายแลนด์สไลด์เพื่อไทยทุกคน ตนอยากเห็นประเทศชาติมีอนาคต มีแสงสว่างที่ดี นำพาลูกหลานไปสู่อนาคตที่สดใส
“8 ปีที่ผ่านมาเพียงพอหรือยัง ผมว่าพอนะครับ อีกไม่กี่เดือน วันที่ 7 หรือ 14 พฤษภาคม เราจะมีวันสำคัญยิ่ง ที่จะเกิดขึ้นคือวันเลือกตั้ง ถ้าเราไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ใน 8 ปี เข้าคูหากาเพื่อไทยทั้งสองเบอร์ ทั้งคน ทั้งพรรค ไม่ปันใจให้คนอื่น ไม่สามารถทำได้ เพราะหากมีพรรคอื่นเข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายที่ิคิดมาและเห็นว่าเหมาะสม และพี่น้องจะไม่ได้ในสิ่งที่เราสัญญาไว้ ผมและเพื่อนร่วมทีม จากพรรคเพื่อไทยไม่อยากจะกลับมาอีก มาอธิบายว่าทำไมเราทำไม่ได้ อยากจะกลับมาอีกพร้อมกับนโยบายใหม่ๆที่จะทำให้รายได้ของพี่น้องสูงขึ้น วันนี้ผมขอ ครั้งแรกที่มาปราศรัยที่นี่ ขอชาวพิจิตร แลนด์สไลด์เพื่อไทยทั้ง 3 เบอร์” นายเศรษฐา กล่าว
นายสุธรรม แสงประทุม คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเพื่อไทย กล่าววว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรับบาลจะขยายกองทุนหมู่บ้าน 1 ล้านบาท กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีให้กว้างขวาง ให้พี่น้องยากจนเข้าถึงแหล่งทุนประกอบอาชีพแก้จนได้ เพราะตั้งแต่พรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2544 เราริเริ่มขับเคลื่อนพรรคการเมืองด้วยการใช้นโยบายเป็นสำคัญ พรรคเพื่อไทยระดมคนมีความรู้ความสามารถ ลงพื้นที่พูดคุยสอบถามปัญหาของพี่น้องทั่วประเทศ กลั่นกรองออกมาเป็น 11 วาระนโยบาย 3 สงครามเร่งด่วนคือ 1.สงครามความยากจน 2. สงครามยาเสพติด และ 3. สงครามทุจริตคอร์รัปชัน
“ถ้าพี่น้องมีหนี้ เราต้องปลดหนี้พักหนี้ให้ และหาทุนมาให้พี่น้องใช้ทำกินสร้างอาชีพ โดยใช้กองทุนหมู่บ้าน กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และถ้าพรรคเพื่อไทยได้รับการเลือกตั้งเป็นรัฐบาล กองทุนหมู่บ้าน และกองทุนอื่นๆ เหล่านี้จะกลับมาและขยายให้พี่น้องเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายเพื่อสร้างอาชีพเลี้ยงครอบครัว” สุธรรม กล่าว
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยมาเป็นทีม มีหัวหน้าพรรค หัวหน้าครอบครัว ทีมเศรษฐกิจ มีนักการเมืองคุณภาพ ขณะที่ฝ่ายตรงข้าม ไม่มีใคร มีแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับเฝือกหนึ่งอันที่แขนขวา พลเอกประยุทธ์เป็นทั้งแคนดิเดต หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ว่าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อไทยมาเป็นแผง เราวางคนให้ตรงงาน เอาความรู้ความสามารถให้ตรงกับการแก้ปัญหา เป็นการรวมตัวกันของคนคุณภาพทางการเมือง กลไกราชการ ภาคธุรกิจและเอกชน
“ไม่มีพรรคการเมืองไหนพร้อมเท่านี้ ไม่มีทีมไหนพร้อมเท่าเพื่อไทยอีกแล้ว เหลือเพียงคนไทยพร้อมหรือยัง คนพิจิตรพร้อมหรือยังที่จะเลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เดินหน้านโยบายที่ประกาศไว้ และวันที่ 17 มีนาคม นี้ อย่าไปไหน ขอให้ติดตามข่าวดี พรรคเพื่อไทยจะเปิดเวทีใหญ่ ประกาศนโยบายสำคัญชุดใหญ่ นโยบายที่ประชาชนจะไชโย แล้วพลเอกประยุทธ์จะอกแตกตาย นโยบายที่ประชาชนจะได้ลืมตาอ้าปาก และส่งพลเอกประยุทธ์กลับบ้าน ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยจะส่ง 3 คน บนเวทีนี้มีอย่างน้อย 2 คน” นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า รัฐบาลปัจจุบันพยายามรักษาอำนาจ พยายามอยู่ต่อ ถึงกับบอกว่าถ้าเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ก็ยังมี ส.ว. 250 คนที่คอยจะยกมือให้พลเอกประยุทธ์ไปต่อ ตนนั้นไม่เชื่อในอำนาจที่มาจากการแต่งตั้ง ไม่ยอมรับและให้เกียรติรัฐประหาร ตนเชื่อมั่นและเคารพในอำนาจที่มาจากประชาชนเท่านั้น ดังนั้น ถ้าพลเอกประยุทธ์ตั้ง ส.ว. 250 คน คนไทยจะเลือกเพื่อไทย 310 เสียงชนะกันให้เด็ดขาด มีคนบอกว่าพรรคเพื่อไทยจะไปยกมือให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ต้องกลัว ถ้าพรรคเพื่อไทยเกินครึ่ง เราตั้งรัฐบาล แก้ปัญหาให้ประชาชน
“ในยุคปัจจุบัน การเลือกตั้งที่จะมาถึง ปรากฎพรรคการเมืองรูปงาม ไม่ได้ชื่อไกรทอง แต่ชื่อเพื่อไทย ขออาสาจัดการ ‘ไอ้สาละวัน’ ชาละวันมีเขี้ยวเพชรคงกะพัน ไอ้สาละวันมี ส.ว. 250 คน ไกรทองปราบชาละวันด้วยหอกสัตตโลหะ พรรคเพื่อไทยจะปราบไอ้สาละวันด้วยปากกาประชาชน ไกรทองฆ่าชาละวันโดยเอาหอกทิ่มก้านคอ พรรคเพื่อไทยจะฆ่าสาละวันโดยประชาชนทิ่มปากกาในบัตรเลือกตั้งแล้วกาเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ สู้ครั้งนี้ไม่ได้เพื่อช่วยนางตะเภาทอง แต่เพื่อช่วยตัวเอง ช่วยลูกหลานเรา บ้านเมืองเรา เพราะถ้าชีวิตดีคงดีตั้งแต่ 8 ปีไปแล้ว แต่นี่จะพาไปต่อ แต่ไม่รู้พาไปไหน ไม่รู้ว่านโยบายคืออะไร”
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงกรณีมีผู้ยื่นยุบพรรคเพื่อไทย ว่า อย่าไปกังวล พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ทำอะไรผิด บางคนบอกณัฐวุฒิไม่มีสิทธิ์ขึ้นเวทีปราศรัย ขอประกาศให้ทราบว่าตนไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แค่ถูกขังคุกทำให้ไม่สามารถสมัคร ส.ส.ได้ ยังมีสิทธิ์เลือกตั้ง มีสิทธิ์กาให้พรรคเพื่อไทยได้ และขึ้นเวทีปราศรัยในฐานะผู้ช่วยหาเสียงซึ่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นคนแต่งตั้งมา