เคลียร์เสียงโหวต ส.ว. นัดพรรคร่วมถก 11 ก.ค. ก้าวไกลโต้เดินสายปลุกม็อบ (คลิป)

“พิธา” ไปโคราชกราบย่าโมขอบคุณชาวนครราชสีมา ลั่นหลังเร่งชี้แจงแรงต้านปมแก้ ม.112 อ่อนลงมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงโหวต ส.ว.หนุนนั่งนายกฯ ชวน ส.ว.-ส.ส.ร่วมคืนความปกติให้การเมือง 13 ก.ค. ถ้ายังไม่ผ่านด่านจะโหวตยาวไปเรื่อยๆ เปรยฟ้าหลังฝนสวยงามมาก “ชัยธวัช” นัด 11 ก.ค.เชิญหารือ 8 พรรคร่วมฯเตรียมพร้อมก่อนโหวต “เพชร” โต้ครหา ก.ก.เดินสายปลุกม็อบกดดัน ส.ว. ยันเสียงหนุนมีพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียกม็อบลงถนน ฟุ้งเป็นไปได้สูงยกมือจบตั้งแต่รอบแรก “พัฒนา” การันตีคน พท.เทเสียงให้ “ทิม” สอนมวยการเมืองฟังแต่เสียงเอฟซีไม่ได้ “เสรี” โวย ส.ว.ถูกข่มขู่ชงชื่อ “พิธา” โหวตซ้ำ หยันไร้พลังเงียบช่วยหนุน ขวาง พท.นั่งนายกฯถ้ายังกอดคอ ก.ก. แต่ไม่ขัดถ้าโดดข้ามขั้วจูบปากฝ่ายรัฐบาลเดิม “ชวน” กระตุกคน ปชป.เลือกผู้นำมากอบกู้ศรัทธา ไม่ใช่พวกคิดแต่จะร่วมรัฐบาล ชี้สเปก หน.พรรคใหม่ต้องสุจริต มัดใจคน น่าเชื่อถือ เตือนเลือกคนสีเทา คดีติดตัวพรรครับกรรม ก๊วน “เฉลิมชัย” ได้เปรียบกุมเสียง 18 ส.ส. แก้เกมจ่อชงคนกลางสู้กลุ่มหนุน “อภิสิทธิ์”

หลังจากแกนนำพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ออกมายืนว่าสามารถประสานทำความเข้าใจขอเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.โหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตพรรค ก.ก.ขึ้นเป็นนายกฯเพียงพอแล้ว ล่าสุดนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก.แจ้งนัดหารือแกนนำพรรคร่วมฯทั้ง 8 พรรคในวันที่ 11 ก.ค. เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา

“ชัยธวัช”นัดพรรคร่วมหารือ 11 ก.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก 8 พรรคร่วมรัฐบาลถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลว่า ล่าสุดนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้ประสานงานไปยังพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้ง 8 พรรค เพื่อนัดหมายหารือวันที่ 11 ก.ค.เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา เพื่อเตรียมความพร้อมการโหวตเลือกนายกฯในวันที่ 13 ก.ค.สิ่งที่พรรคร่วมอยากได้ความชัดเจนจากพรรคก้าวไกลคือจำนวนเสียง ส.ว.ที่จะสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯพรรค ก.ก.เป็นนายกฯ เนื่องจากที่ผ่านมาแกนนำพรรค ก.ก. เพียงแต่ยืนยันมาโดยตลอดว่าได้เสียง ส.ว.เพียงพอแล้ว ขณะที่ ส.ว.บางส่วนสื่อสารออกมาเหมือนไม่เป็นเช่นนั้น ต้องการขอความชัดเจน เพื่อเตรียมความพร้อมในการโหวตเลือกนายกฯ จนถึงวันนี้ จุดยืนของพรรคร่วมฯทั้ง 8 พรรค คือ การสนับสนุนพรรค ก.ก.จัดตั้งรัฐบาลตามเอ็มโอยูที่ได้ลงนามกันไว้ให้สำเร็จ ไม่มีการคิดแผนสอง แต่อยากทราบความชัดเจน เพื่อจะได้เตรียมตัวรับมือเกมในสภาฯ หากฝ่ายรัฐบาลเดิมจะเล่นเกมการเมืองอะไรขึ้นมา

“พิธา” จัดคิวพบด้อมส้มเซ็นทรัลเวิลด์

เมื่อเวลา 10.30 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กว่า 13 กรกฎาคมนี้ วาระสำคัญที่จะกำหนดทิศทางประเทศกำลังจะมาถึง นั่นคือการโหวตนายกรัฐมนตรี ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 แม้ผลเลือกตั้งจะออกมาชัดเจนว่าพรรค ก.ก. ได้รับคะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง และเราเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล จนได้พรรคร่วม 8 พรรค ที่ได้รับฉันทามติจากประชาชนรวม 25 ล้านเสียง หรือ 72% ของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่เรายังคงต้องรอการตัดสินใจของวุฒิสมาชิก แต่ผมเชื่อมั่นว่าสมาชิกรัฐสภาทุกท่าน จะฟังเสียงประชาชน เย็นวันอาทิตย์นี้ 9 ก.ค. เชิญชวนทุกท่านมาเจอกันที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ 16.30 น. เป็นต้นไป พบปะทักทายกับผมและเพื่อนผู้แทนราษฎรพรรคก้าวไกลแบบใกล้ชิด ส่งความหวังและกำลังใจให้กัน ยืนยันในเจตนารมณ์ของประชาชนก่อนถึงวันโหวตนายกฯแล้วเจอกัน

จับเข่าคุยผู้ประกอบการโคราช

เมื่อเวลา 15.40 น. ที่ จ.นครราชสีมา นายพิธา พร้อมด้วยคณะ ส.ส.นครราชสีมา พรรค ก.ก. 3 เขต ประกอบด้วยนายฉัตร สุภัทรวณิชย์ ส.ส.เขต 1 นายปิยชาติ รุจิพรวศิน ส.ส.เขต 2 นายศุทธสิทธิ์ พจน์ฐศักดิ์ เขต 3 เดินทางเข้าพบปะหารือกลุ่มผู้ประกอบการเอกชน หอการค้า สภาอุตสาหกรรมจังหวัด ภาคประชาสังคม จ.นครราชสีมา ที่ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมฟอร์จูน อ.เมืองนครราชสีมา นายพิธากล่าวระหว่างรับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะจากตัวแทนขององค์กรต่างๆว่า ส.ส.นครราชสีมาทั้ง 3 คนของพรรค ก.ก. อยู่ในวงการซอฟต์ เพาเวอร์ทั้งหมด เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ พร้อมจะช่วยกันพัฒนา จ.นครราชสีมาอย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะส่งเสริมให้ จ.นครราชสีมาเป็นแลนด์มาร์กการแสดงคอนเสิร์ตระดับโลก รวมถึงรถไฟ เรื่องการเดินทางตอนนี้ผ่านไป 21% แล้ว ถ้าเราเป็นรัฐบาลเมื่อใดพร้อมผลักดันสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ของคนโคราช คนไทยและมิตรประเทศที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถ้าท่านไหนมีเรื่องอยากให้แก้ไขก็ฝากไว้ และขอขอบคุณที่มอบ 5 แสนคะแนนให้ในส่วนคะแนนพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งที่ผ่านมา

ชวน ส.ส.–ส.ว.คืนความปกติการเมืองไทย

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.และแคนดิเดตนายกฯพรรค ก.ก.ให้สัมภาษณ์ว่าการออกเดินสายต่างจังหวัดไม่ได้มีจุดประสงค์จะปลุกระดมมวลชนออกมากดดัน ส.ว.ให้โหวตเลือกตนเป็นนายกฯ ตามที่หลายคนตั้งข้อสังเกต แต่เดินทางมาขอบคุณพี่น้องชาว จ.นครราชสีมา วันนี้มาตามคำเรียกร้องของชาวโคราช ได้พบปะหารือภาคเอกชน ได้รับทราบปัญหาเศรษฐกิจ ภาคการเกษตร ภัยแล้ง ปรากฏการณ์เอลนีโญและเรื่องอื่นๆที่น่ากังวลใจสำหรับพื้นที่ จ.นครราชสีมา จะได้ช่วยกันขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาตามลำดับต่อไป ข้อครหาการปลุกระดมมวลชน พรรค ก.ก.คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ มักจะโดนวิพากษ์วิจารณ์แทบทุกเรื่อง แต่ยังตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ วันที่ 13 ก.ค.จะโหวตเลือกนายกฯแล้ว มั่นใจขึ้นเรื่อยๆ จากการเข้าไปพูดคุยกันได้เห็น ส.ว.หลายท่านให้สัมภาษณ์สื่อและส่งจดหมายเปิดผนึก เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เป็นโอกาสในการคืนความปกติให้กับการเมืองไทย และให้โอกาสประเทศไทยด้วย เชื่อว่าทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ยังมีโอกาสจะคืนความปกติให้การเมืองไทย โดยยึดมติเสียงข้างมาก จะเป็นวาระสำคัญของประเทศว่าเราจะไปในทิศทางไหน

เร่งชี้แจง ม.112 แรงต้านอ่อนลงเรื่อยๆ

นายพิธากล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องมาตรา 112 เป็นเงื่อนไขที่อ่อนลงเรื่อยๆ เมื่อได้รับฟังคำชี้แจงและคำอธิบายถึงเหตุผล ส.ว.หลายท่านเริ่มจะเข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องที่อิงพรรคการเมือง หรือนโยบายของพรรคการเมือง แต่เป็นเรื่องหลักการที่จะทำให้ระบบกลับมาเป็นปกติได้ ต้องใช้พื้นที่สภาฯที่มีความหลากหลายทางความคิด ต้องเปิดโอกาสให้สภาฯ ได้ทำงานได้อธิบายให้ ส.ว.รับทราบ หลายท่านเบาใจและเข้าใจมากขึ้นว่าการอนุรักษ์ การรักษาและทำให้เกิดการพัฒนา จำเป็นต้องพูดคุยด้วยวุฒิภาวะ ทำให้เงื่อนไขต่างๆน้อยลง การโหวตเลือกนายกฯ ตนมั่นใจ และพยายามเต็มที่ที่สุด แต่หากโหวตครั้งแรกไม่ผ่าน ต้องยึดความคิดเห็นของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลทั้ง 8 พรรค เท่าที่ฟังมาตอนนี้ยังไม่มีแผน 2 จะโฟกัสวันที่ 13 ก.ค.ให้เต็มที่ก่อน จะโหวตกี่ครั้งต้องให้เป็นไปตามกระบวนการที่ควรจะเป็นตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และยึดมติของประชาชนเป็นหลัก ถ้าประชาชนไม่ถอยตนก็ไม่ถอย ส่วนที่มีเสียงจากพรรครวมไทยสร้างชาติบอกว่าถ้าโหวตไม่ผ่านครั้งแรก ควรให้โอกาสพรรคลำดับ 2 แทน ไม่ควรโหวตซ้ำอีกรอบ เป็นความคิดเห็นของพรรค รทสช. ไม่ได้เป็นหลักการหรือข้อกฎหมายอะไร ตอนนี้ยังไม่มีแผน 2 ยังยึดตามแผนที่พรรคร่วมฯทั้งหมดพูดคุยกันไว้ก่อน

แห่รอบเมืองขอบคุณคะแนนน้ำใจ

ต่อมาเวลา 17.00 น. ที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี นายพิธาได้นำพวงมาลัยดอกดาวเรือง ธูปเทียน ดอกไม้ กราบสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (คุณย่าโม) บนแท่นบวงสรวง หน้าองค์ท้าวสุรนารี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองโคราช ขอพรบารมีเพื่อเป็นสิริมงคล จากนั้นได้เดินลอดซุ้มประตูชุมพลหรือประตูเมือง ไปขึ้นรถขบวนแห่เริ่มต้นจากหลังประตุชุมพลไปตามถนนสายชุมพล-ถนนมหาไทย วนเลี้ยวเข้าสู่ถนนราชดำเนิน ผ่านหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนโพธิ์กลาง ผ่านหน้าตลาดแม่กิมเฮงถึงสี่แยกบัวรอง เลี้ยวซ้ายถนนบัวรอง-สี่แยกวัดม่วง ถนนสุรนารี ผ่านวัดสะแก เลี้ยวขวาถนนราชดำเนิน ไปยังสี่แยกตลาดประปา ผ่านหน้าซุ้มประตูเมืองจำลอง วนเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนชุมพล เมื่อถึงหลังประตูชุมพล เลี้ยวเข้าสู่ถนนจอมพล ถึงสี่แยกราชสีมา เลี้ยวขวาไปยังสี่แยกธนาคารออมสิน เลี้ยวขวาผ่านประตูทางเข้าศาลากลางจังหวัด เลี้ยวซ้ายเข้าสู่สนามหน้าศาลากลาง จ.นครราชสีมา หน้าหอนาฬิกา รอบตัวเมืองรวมกว่า 3 กม. ขณะเคลื่อนขบวนแห่ได้พบปะทักทายเอฟซีพรรค ก.ก.ที่ต่างสวมใส่เสื้อผ้าสีส้ม หมวกสีส้ม รุมล้อมขอถ่ายรูปคู่ รูปหมู่ ถ่ายเซลฟี่ ขอลายเซ็นกันอย่างคึกคัก พร้อมส่งเสียงตะโกนต้อนรับอย่างอบอุ่น นอกจากนี้ยังมีทีมรถจักรยานยนต์ติดตามเป็นกำลังใจตลอดเส้นทาง โดยมีการปราศรัยขอบคุณผู้สนับสนุน พร้อมรับฟังเสียงสะท้อนและความเห็นชาวโคราชเกี่ยวกับนโยบายของพรรค ก.ก.ในการบริหารประเทศด้วย

เคลิ้มฟ้าหลังฝนสวยงามมากๆ

จากนั้นเวลา 17.30 น. นายพิธาขึ้นเวทีปราศรัยหน้าหอนาฬิกา สนามหน้าศาลากลางจังหวัดนคร ราชสีมา ขอบคุณชาวโคราช ท่ามกลางผู้สนับสนุนรอฟังล้นหลาม ว่า “ฟ้าหลังฝนสวยงามมาก ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเสียที เหลืออีก 5 วันเท่านั้นจะมีการโหวตเลือกนายกฯ ในเมื่อประชาชนออกไปใช้สิทธิใช้เสียงเลือกผู้แทนแล้ว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ สาเหตุเป็นเพราะประเทศเราอยู่ในภาวะไม่ปกติ มีรัฐธรรมนูญปี 60 ขวางกั้นอยู่ เมื่อประชาชนให้โอกาสพรรค ก.ก.แล้ว ถึงเวลาต้องคืนความเป็นไทยให้กับประชาชน มีแผนจะทำงานไว้แล้ว ถ้าวุฒิสภาไม่โหวตให้ตน ก็ต้องโหวตยาวๆไปเลย ขอให้ประชาชนอดทนกันอีกนิดเดียว ดูซิว่าความไม่ปกติของประเทศไทยจะยุติเมื่อใด พร้อมจะทำงานในตำแหน่งนายกฯของประชาชนทุกคนทุกอาชีพ

“เพชร”ปัดปลุกม็อบด้อมส้มกดดัน

นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองโฆษกพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. นัดเดินสายพบประชาชนในกรุงเทพฯเเละปริมณฑล ต้องการกดดัน ส.ว.ก่อนวันโหวตนายกฯ 13 ก.ค.ว่า ยืนยันไม่ได้กดดัน ส.ว.ด้วยการปลุกม็อบ แต่เดินสายขอบคุณประชาชนก่อนจะเข้าทำงานเต็มตัว หากได้เป็นรัฐบาลแล้วแต่ละคนต้องทำหน้าที่ตามกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ถ้านายพิธาเป็นนายกฯ เวลาไปพบปะประชาชนหรือว่าไปขอบคุณประชาชนคงน้อยกว่านี้ นายพิธาเลยพยายามจะไปให้ครบมากที่สุด และต้องไปพบปะกับหน่วยงาน สมาคมและเอกชน ที่เชิญมาตอนนี้มีเยอะมาก

โอ่เคลียร์ใจ ส.ว.หน้าใหม่ๆเข้าใจดีขึ้น

เมื่อถามว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าพรรค ก.ก.ไม่ได้เปลี่ยนไทม์ไลน์ลงพื้นที่ของหัวหน้าพรรคกะทันหัน หลังรู้วันโหวตนายกฯเพื่อกดดัน ส.ว. นายกรุณพลตอบว่า ไม่เลย ไม่กดดันแล้ว เพราะเลขาธิการพรรค ก.ก. รวมถึง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ก.ก. ได้บอกไปว่าได้พูดคุยทำความเข้าใจกับ ส.ว.ถึงนโยบายต่างๆทั้งเรื่อง 112 ว่าไม่ได้ยกเลิก แต่แก้ไขเพื่ออะไร เรื่องนิรโทษกรรมใครได้รับผลพวงบ้างใครบ้างที่จะไม่ได้ ไม่ใช่จะได้ทั้งหมดเหมาเข่งหรือได้ทุกคน แต่บางที ส.ว.หลายท่านยังได้ยินข่าวเฟกนิวส์ เช่น การตั้งฐานทัพอเมริกาพอได้ไปคุยกับ ส.ว.มากขึ้น มี ส.ว.หน้าใหม่ๆที่ไม่เคยพูดให้ข่าวว่าจะโหวตตามเสียงคนส่วนใหญ่ ส่วนกลุ่ม ส.ว.ที่บอกว่าจะไม่โหวตให้ยังเป็นคนกลุ่มเดิมๆที่ออกมาเหมือนกับเมื่อ 3-4 เดือนที่แล้ว

เป็นไปได้สูงโหวตจบตั้งแต่รอบแรก

เมื่อถามย้ำถึงกรณี น.ส.ศิริกัญญามั่นใจเสียง ส.ว.จะครบตั้งแต่โหวตนายพิธาครั้งเเรก นายกรุณพล กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงตามที่ น.ส.ศิริกัญญา บอกไว้ว่าเสียง ส.ว.น่าจะครบโหวตนายกฯจบตั้งแต่รอบแรก ไม่จำเป็นต้องไปสร้างม็อบกดดัน ส.ว. ที่สำคัญเลขาธิการพรรคและรองหัวหน้าพรรค ก.ก. ได้ให้ข่าวไปแล้วว่าเราคาดว่าน่าจะเพียงพออยู่แล้วตามที่เราแจ้งกับสื่อไปว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปสร้างความกดดันด้วยการตั้งม็อบแล้ว

ไม่ผ่านโหวตไปเรื่อยๆแต่บางคนอึดอัด

“จริงๆเราพูดคุยอยู่แล้ว ไม่ได้อยากให้คนลงถนน เพราะที่ผ่านมาเราคงเห็นแล้วว่าการที่ใช้กำลังคนกดดันที่อยู่นอกเหนือกติกา สุดท้ายพาประเทศชาติไปถึงทางตันอยู่ดี สิ่งหนึ่งที่พรรค ก.ก.พยายามทำคือพยายามสู้ในกฎเกณฑ์ที่เราไม่ได้เป็นคนเขียนขึ้นมา และสู้ให้ถึงที่สุด แล้วเคารพในเสียงของประชาชนให้มากที่สุด ถ้าเกิดมันไม่ผ่าน เราจะโหวตไปเรื่อยๆตามที่ 8 พรรคร่วมได้คุยกันไว้แล้ว อาจจะสร้างความอึดอัดให้กับบางคนบ้าง แต่สุดท้ายมันอยู่ที่มติพรรคร่วม 8 พรรคว่าจะไปทางไหน พรรค ก.ก.เองเราพยายามจะรักษากติกา ที่มีอยู่เพื่อที่จะให้ฝ่ายบริหารได้เข้ามาทำงานอย่างเร็วที่สุดในการแก้ปัญหาของประเทศ” รองโฆษกพรรค ก.ก.กล่าว

ส.ส.พท.เทให้ “พิธา” แต่ ส.ว.เดาไม่ถูก

นายพัฒนา สัพโส ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตเลือกนายกฯวันที่ 13 ก.ค. ประเมินสถานการณ์อย่างไรว่า วันนี้ชัดเจน ว่าพรรค พท.จะลงคะแนนให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯจากพรรค ก.ก. แน่นอนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่คาดเดาไม่ถูกคือการลงคะแนนของ ส.ว.ว่าเขาจะคิดเห็นอย่างไร เรายังไม่ได้อะไรไปถึงแผนสองว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อหลังการลงคะแนน คงต้องรอดูคะแนนเสียงของ ส.ว.ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย ได้ช่วยพูดคุยเจรจากับบรรดา ส.ว.อยู่แล้วด้วย เมื่อถามว่ากรณีหากโหวตครั้งแรกไม่ผ่าน ควรดำเนินการอย่างไรต่อ นายพัฒนากล่าวว่า หากโหวตครั้งแรกไม่ผ่าน ครั้งที่สองไม่น่าจะมีผลอะไรต่าง ระยะเวลาการโหวตไม่ได้ห่างอะไรมาก แต่ถ้าถึงจุดนั้นทั้ง 8 พรรคคงต้องมาหารือกัน เพื่อประเมินท่าทีของ ส.ว.ว่าเป็นอย่างไร แล้วจะดำเนินการร่วมกันอย่างไรต่อไป

สอนมวยการเมืองฟังเอฟซีไม่ได้

นายพัฒนากล่าวอีกว่า การเลือกนายกฯครั้งนี้เหมือนต้องสู้กับ ส.ว. หากพรรคก้าวไกล ไม่ปฏิเสธพรรคการเมืองต่างๆว่าไม่เอาพรรคนั้นพรรคนี้ การรวบรวมเสียงน่าจะง่ายกว่าที่เป็นอยู่ เพราะการสู้กับเสียง ส.ว. ต้องผนึกกำลัง ส.ส. อยากให้ลดเงื่อนไขตรงนี้ เพราะการทำงานในสภาฯจะฟังแฟนคลับอย่างเดียวไม่ได้ อย่างเช่นพรรคเพื่อไทย แฟนคลับของเราอยากให้เราจัดตั้งรัฐบาล แต่การทำงานในสภาฯ เราให้เกียรติพรรคอันดับหนึ่ง มั่นใจ ส.ส.พรรคเพื่อไทย 100% ยกมือให้นายพิธาแน่นอน

“วิสาร” หวังเลือกนายกฯม้วนเดียวจบ

นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ แกนนำภาคเหนือพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกฯวันที่ 13 ก.ค. ว่าแม้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโหวตเลือกนายกฯในสภาฯครั้งนี้ แต่อยู่ในวงการเมืองมานาน อยากขอร้องให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้ง ส.ส.และ ส.ว. เห็นแก่ชาติบ้านเมือง คืนความหวังให้ประชาชน เพราะจากการลงพื้นที่ประชาชนสะท้อนชัดเจนว่าอยากให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯ เพราะต่างมั่นใจว่าเมื่อนายพิธาได้เป็นนายกฯ มีพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมอื่นอีกรวม 8 พรรคร่วมสนับสนุนการทำงาน จะสามารถขับเคลื่อนประเทศ และสะสางปัญหาที่หมักหมมมายาวนานของประเทศ ในยุครัฐบาลปัจจุบันไปได้ อีกทั้งวันนี้ประเทศเหมือนเกิดสุญญากาศ มีรัฐบาลรักษาการเหมือนไม่มี ข้าราชการเกียร์ว่างมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง จึงอยากให้การเลือกนายกฯจบลงตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค. เพื่อให้ได้รัฐบาลเข้ามาขับเคลื่อนงาน ไม่เช่นนั้นประเทศจะขับเคลื่อนไปไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ นักลงทุนต่างรอความชัดเจนของรัฐบาลใหม่อยู่ ยิ่งปล่อยช้าไปประเทศยิ่งเสียโอกาส

ส.ว.ผวาถูกขู่ให้ชงชื่อ “พิธา” ซ้ำ

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.กล่าวถึงกรณี ส.ว.บางส่วนมีความเห็นไม่ให้นำชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. มาโหวตเสนอชื่อเป็นนายกฯเป็นครั้งที่ 2 หากโหวตรอบแรกไม่ได้รับเสียงเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาว่า แม้ตามรัฐธรรมนูญจะไม่มีข้อห้ามให้ผู้ที่เสนอชื่อโหวตนายกฯรอบแรกไม่ผ่าน ไม่ให้กลับมาเสนอรอบสอง แต่ในทางปฏิบัติควรเสนอชื่อบุคคลอื่นแทน เพราะมีความชัดเจนไปแล้วว่าที่ประชุมรัฐสภาไม่เห็นด้วยกับรายชื่อที่เสนอ ถ้ายังให้นำกลับมาเสนอชื่อซ้ำได้จะถูกตั้งคำถามมาว่าทำเพื่ออะไร จะเพื่อไปติดต่อวิ่งเต้นขอคะแนน หรือให้ผลประโยชน์อะไรหรือไม่ ตามมาตรฐานสากล หากมีการโหวตเลือกใครไปแล้วไม่ได้รับความเห็นชอบถือว่าควรจบไปในรอบเดียว แล้วไปจัดทัพรวบรวมเสียง หาคนมาใหม่มาเลือกใหม่ ถ้าให้เลือกซ้ำคนเดิมได้ ไม่รู้จะโหวตเลือกกันไปกี่รอบ ยิ่งการโหวตเลือกรอบแรกไปแล้ว ทำให้รู้ว่าใครโหวตเลือกหรือไม่เลือก อาจมีการล็อบบี้หรือข่มขู่เจ้าตัวหรือลูกเมียให้เกิดความกลัว เพื่อให้เลือกในรอบต่อไป ที่ผ่านมา ส.ว.โดนข่มขู่ลักษณะนี้ แต่เราไม่กลัว

เย้ยไม่มีพลังเงียบ ส.ว.ช่วยหนุน

นายเสรีกล่าวว่า ขณะนี้ ส.ว.หลายคนเปลี่ยนใจจากเดิมจะสนับสนุน เป็นไม่สนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ หลังได้รับฟังเหตุผลต่างๆจนเปลี่ยนใจ แม้พรรค ก.ก.ยังเชื่อว่ามีพลังเงียบจาก ส.ว.จะโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ แต่ตนอยู่วงในทราบอะไรได้ชัดและเยอะกว่า เชื่อว่าไม่มีพลังเงียบ ส.ว. ถ้ามีแค่บวกลบ 5 คน ถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนไปคงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพราะช่วงหลังเริ่มข่มขู่กันเยอะขึ้น ทั้งผ่านคนในครอบครัว ผ่านไลน์ ถึงความไม่ปลอดภัย ตนก็โดนข่มขู่ระวังลูกเมียไม่ปลอดภัย ส่วนกระแสข่าวแจกเงินซื้อ ส.ว.ในการโหวตนายกฯมีได้ยินมาบ้าง แต่ไม่รู้มีจริงหรือไม่ แต่ใครให้ก็เสียเงินเปล่า ส.ว.ส่วนใหญ่ยืนยันไม่หนุนนายพิธา เพราะมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 และกฎหมายอื่นๆไม่ต้องมาโทษ ส.ว.ทุกอย่าง ทำตัวเองทั้งนั้น

ขวาง พท.นั่งนายกฯถ้ายังจับมือ ก.ก.

เมื่อถามว่า หากนายพิธาไปไม่รอด พรรค พท.ขึ้นมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลแทน ส.ว.พร้อมโหวตให้แคนดิเดตนายกฯพรรค พท.เป็นนายกฯหรือไม่ นายเสรีตอบว่า ส.ว.เคยหารือกันถึงกรณีถ้าเปลี่ยนตัวนายกฯเป็นของพรรค พท. แต่ยังมีพรรค ก.ก.ร่วมรัฐบาลอยู่ เสียง ส.ว.ส่วนใหญ่ก็ไม่สนับสนุนแคนดิเดตนายกฯพรรค พท. ถ้าพรรค ก.ก.ยังร่วมรัฐบาลและจะแก้มาตรา 112 อยู่ ส.ว.ไม่สบายใจ ก.ก.ควรไปเป็นฝ่ายค้าน แม้ขณะนี้การเสนอแก้มาตรา 112 ยังเป็นแค่ขั้นตอนทางกฎหมาย อาจไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาฯในที่สุด แต่ ส.ว.อยากแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เพราะไม่อยากให้เข้ามาอภิปรายเสนอความเห็น มีคนวิพากษ์วิจารณ์จะทำให้ปัญหาลามไปสู่ภายนอกได้ เกิดความขัดแย้งยิ่งขึ้นอีก ดังนั้น หากพรรค ก.ก.ยังร่วมรัฐบาลและไม่ลดราวาศอก ไม่หยุดแก้ไขมาตรา 112 ส.ว.ก็ไม่เลือก ไม่ว่าจะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯก็ตาม ถ้า ก.ก.ไม่ถอยแก้มาตรา 112 วุฒิสภาก็ไม่ถอย

ไม่ขัด พท.โดดข้ามขั้ว-ไม่เอา รบ.ข้างน้อย

นายเสรีกล่าวอีกว่า ส่วนถ้าพรรค พท.ข้ามขั้วไปจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมตั้งรัฐบาล ไม่ไปแตะต้องมาตรา 112 ถือเป็นการเมืองปกติ ส.ว.พร้อมโหวตสนับสนุน ปัญหาจะไม่มีเลย แต่หากอดีตพรรคฝ่ายรัฐบาลเดิมจะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยมาสู้ หากการโหวตนายกฯไม่สำเร็จสักที เชื่อว่า ส.ว.ไม่น่าโหวตให้คนฝ่ายเสียงข้างน้อยเป็นนายกฯ รัฐบาลเสียงน้อยตั้งไปไม่มีประโยชน์ เพราะไม่มีเสียงสนับสนุนถึง 250 เสียง การบริหารประเทศจะไม่ได้รับความร่วมมือในการออกกฎหมายสำคัญๆ ได้แต่แก้ปัญหาของตัวเองเหนื่อยพอแล้ว แต่ไม่มีเวลาบริหารประเทศ ส.ว.ต้องคำนึงเรื่องเหล่านี้ด้วย ดังนั้น โอกาสไปหนุนเสียงข้างน้อยเป็นนายกฯแทบจะไม่มี แม้จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่คงไม่ได้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว.

“ชวน” ชี้ “ไหม” ปฏิญาณตนครบถ้วน

ที่รัฐสภานายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบจริยธรรมการปฏิญาณตนการทำหน้าที่ ส.ส. เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ว่า การกล่าวคำปฏิญญาตนเที่ยวนี้ผิดแปลกไปจากเดิม เมื่อประธานฯกล่าวนำคำว่า “ข้าพเจ้า แล้วต้องพูดชื่อ นามสกุลแต่ละคนตามแล้ว โดยหลักปฏิบัติต้องรอให้ท่านประธานสภาฯกล่าวนำข้อความที่จะปฏิญาณตน แล้ว ส.ส.ทุกคนต้องกล่าวตามข้อความที่ประธานสภาฯกล่าวนำทุกประโยคทุกข้อความ แต่วันนั้นเมื่อประธานฯกล่าวนำการปฏิญาณตน ว่า “ข้าพเจ้า” แล้ว ส.ส.ทุกคนเอ่ยชื่อและนามสกุลตัวเองตามแล้ว กลับไม่ได้รอให้ประธานฯกล่าวนำข้อความปฏิญาณตน แต่กลับพูดตามข้อความคำกล่าวปฏิญาณตนไปพร้อมกัน สาเหตุหลักเพราะบนโต๊ะหน้าที่นั่ง ส.ส.ทุกคนมีกระดาษคำกล่าวการปฏิญาณตนของ ส.ส.วางอยู่ให้ ส.ส.ทุกคนในที่ประชุม ส.ส.สมาชิกใหม่ทุกคนอ่านตามนั้นไปจนจบ ประธานฯไม่ทันได้กล่าวนำ น.ส.ศิริกัญญาชี้แจงแล้วว่าผิดคิว เที่ยวนี้สมาชิกใหม่อาจสับสน พอเห็นคำกล่าวปฏิญาณตน อยู่บนโต๊ะข้างหน้าตัวเอง เขาจึงอ่านให้ครบจนจบ แต่ถือว่าสมบูรณ์แม้ว่าจะไม่ได้กล่าวตามประธานฯ เมื่อกล่าวถ้อยคำปฏิญาณตนครบถ้วน ถือว่าสมบูรณ์ครบถ้วน

เชื่อคน ปชป.คิดได้ต้องเลือกผู้นำแบบใด

นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวถึงการโหวตเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่วันที่ 9 ก.ค. ว่าไม่อยากจะพูดอะไร มีการแข่งขันกันอยู่ พูดไปก่อนจะไม่เหมาะสม มีคนห่วงใยพรรคมากกว่าคนที่จะมาสมัครเป็นหัวหน้าพรรค ยังมีคนรักพรรค ปชป.จริงๆ ยิ่งเห็นพรรคแพ้เลือกตั้งยับเยินขนาดนี้ยิ่งห่วงใย คิดว่าควรใช้เหตุการณ์นี้มาฟื้นฟูพรรค คัดเลือกคนที่เหมาะสม เป็นที่เชื่อถือได้มาเป็นผู้นำพัฒนาพรรคต่อไปในอนาคต คือความหวังของคนห่วงใยพรรค ไม่ขอวิจารณ์คนที่แสดงความจำนงสมัครเป็นหัวหน้าพรรค ยังเชื่อว่าสมาชิกพรรคมีเหตุผลช่วยการประคับประคองให้พรรค ปชป.เดินไปข้างหน้าต่อไป ตนเป็นคนรุ่นปลายแล้ว อาจไม่ได้อยู่ยาวได้เห็นอนาคตพรรคไกลนัก แต่อยู่มานานจนรู้สึกว่าพรรคนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตไม่ว่าจะขึ้นหรือจะลง แต่คนอย่างพวกตนมั่นคง ไม่ได้ว่อกแว่กไปไหน แม้จะเคยถูกชวนให้ไปตั้งพรรคใหม่เมื่อปี 2519 แต่ไม่มีความคิดแบบนั้น อยู่รอดยืนยาวมา 55-56 ปี ไม่ว่าพรรค ปชป.จะขึ้นหรือจะลงจะไม่เปลี่ยนแปลง แต่จะรออยู่เป็นเพื่อนกับพรรค ไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่มีอย่างไร ตนยังอยู่กับพรรค ปชป.

หน.พรรคต้องสุจริต มัดใจคน น่าเชื่อถือ

เมื่อถามว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่จำเป็นต้องเป็นคนรุ่นใหม่ เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ขอย้ำว่าคนที่จะมาเป็นผู้นำพรรคต้องมีความคิดก้าวไกล ก้าวหน้าในทางปฏิบัติ และต้องรู้ว่า มีอดีต มีปัจจุบันและมีอนาคต ประเทศไม่ได้ตั้งมาเมื่อปีที่แล้ว อดีตดีๆเราไปทิ้งมันก็น่าเสียดาย ความเชื่อมั่นในความสุจริต ความมั่นคงควรจะดำรงอยู่ ส่วนการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆหรือมีความคิดใหม่ๆ ทุกคนทำอยู่แล้ว คนที่จะมาเป็นผู้นำพรรคต้องรู้เรื่องเหล่านี้ เพียงแต่ว่าใครจะทำได้หรือไม่ ต้องดูองค์ประกอบด้วยว่าคนนั้นมีพื้นฐานความน่าเชื่อถือเพียงใด ระดมความเชื่อมั่นในหมู่ สมาชิกได้มากน้อยเพียงใด อยู่ที่เกียรติประวัติของคนคนนั้นว่ามีประวัติเป็นคนเชื่อถือได้หรือไม่ ทำงานกับคนอื่นได้ เอาเปรียบคนอื่นหรือไม่ เป็นคนสุจริตหรือไม่ บริหารงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร หรือสมมติยังไม่เคยเป็นอะไรมา อาจต้องดูประวัติย้อนหลังกลับไป

กรีดยับพวกคิดแต่ร่วมรัฐบาล

นายชวนกล่าวต่อว่า ยืนยันว่ามองทุกคนมีประโยชน์ เห็นทุกอย่างเกิดความเปลี่ยนแปลงในพรรค ทำให้เห็นคุณค่าของแต่ละคนที่มีความหมายมีความสำคัญทุกคน ไม่มีใครที่ไม่มีความหมาย ยอมรับว่าคนที่ออกจากพรรคไปล้วนเป็นคนดีๆหลายคน ถ้าไม่มี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม คงไม่สามารถจับทุจริตจำนำข้าวได้ จึงยกย่องเสมอไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน หลายคนเป็นกำลังสำคัญต่อสู้ จนต้องคำพิพากษาจำคุกอย่างนายถาวร เสนเนียม หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ล้วนเคยทำงานหนักทำให้พรรค ปชป.ได้ประโยชน์และทำให้บ้านเมืองดีขึ้น หวังว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่จะรวมคนที่มีศักยภาพมาทำงาน เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองไม่ใช่เพียงเอาคนเข้ามาเพื่อหวังจะไปร่วมรัฐบาล หรือหวังแต่จะทำอย่างไรจะให้ได้เป็นรัฐบาล ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น พรรคปชป.เป็นพรรคเป็นรัฐบาลก็ได้ เป็นฝ่ายค้านก็ได้เมื่อถึงเวลา ไม่ใช่คิดเพียงแค่ว่าต้องเป็นรัฐบาลทุกสมัย ความเป็นสถาบันของพรรคจะหมดไป

เลือกคนสีเทาคดีติดตัวพรรครับกรรม

เมื่อถามว่า ภาพลักษณ์ผู้ที่จะเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ หากถูกกล่าวหาหรือมีคดีต้องทำอย่างไร นายชวนกล่าวว่า หากเป็นเช่นนั้นพรรค ปชป.ต้องรับกรรมไป เพราะพรรคมีชีวิตด้วยคนที่เป็นสมาชิก ถ้าสมาชิกพรรคซึ่งเป็นเจ้าของพรรค เลือกคนประเภทนั้นเข้ามา คนนอกพรรคไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นวันเลือกหัวหน้าพรรคคงจะได้พูดถึงเรื่องนี้ด้วยที่มีการพูดว่าการเลือกหัวหน้าพรรคจะมีผลต่อการร่วมรัฐบาล ไม่แน่ใจ เพราะไม่มีใครยอมรับว่ามีการไปเจรจาร่วมรัฐบาล ขณะที่ข่าวลือบอกว่ามี แต่ระยะยาวมันปิดไม่มิด อาจโผล่มาได้ใครไปทำอะไรไว้ควรระวัง แม้กระทั่งคนเป็นรัฐมนตรี ถ้าทำถูกทำผิดวันหนึ่งจะปรากฏ ทุกคนต้องระมัดระวังต้องยึด ความถูกต้องชอบธรรมเอาไว้

“ไชยวัฒน์” เชียร์ “มาร์ค” นำทัพกู้ศรัทธา

นายไชยวัฒน์ ไตรสุนันท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป.และอดีตฝ่ายกฎหมายพรรค ปชป.กล่าวว่า หลังเลือกตั้ง 14 พ.ค.66 พรรคพ่ายแพ้ได้ ส.ส.เพียง 25 คน การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและ กก.บห.ครั้งนี้ ทุกคนในพรรคมีแนวทางความคิดเดียวกันคือทำอย่างไรจะกอบกู้พรรคให้กลับมาเป็นที่ศรัทธาของประชาชนเช่นในอดีต นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรค เหมาะสมด้วยคุณวุฒิ วัยวุฒิและประสบการณ์ จุดยืนและการรักษาสัจจะวาจา กก.บห.ชุดใหม่ควรยึดแนวทางไม่ร่วมรัฐบาล ทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพราะการเข้าร่วมรัฐบาล ส.ส.เพียง 25 คน คงไม่สามารถจะเข้าปฏิบัติงานตามนโยบายของพรรคเรียกความนิยมกลับคืนมาได้ ขอให้ยึดมั่นอุดมการณ์พรรคและคำขวัญ “ไม่โกง ไม่กิน ไม่สิ้นชาติ” ทุกครั้งที่พรรคเป็นฝ่ายค้าน ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนจนเป็นที่ยอมรับ ได้รับความศรัทธาจากประชาชนมาตลอด จะเป็นผลดีและฟื้นศรัทธากลับมาได้

“ผ่องศรี” ทุ่มหมดใจหนุน “อภิสิทธิ์”

นางผ่องศรี ธาราภูมิ กรรมการบริหารพรรคและอดีต ส.ส.พรรค ปชป.โพสต์เฟซบุ๊กว่า ในฐานะคนทำงาน เป็นสมาชิกพรรคที่ดี ไม่มีฝักฝ่าย แต่มีหัวหน้าพรรคในดวงใจ เชื่อมั่นและศรัทธามีเหตุผลมากมายที่เต็มจิตเต็มใจพร้อมสนับสนุนผู้ชายคนนี้ หวังให้มาเป็นผู้นำพรรค มาร่วมกันรวมพลัง กอบกู้ฟื้นฟูพรรค ในสถานการณ์อันยากยิ่งนี้ “ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” เห็นคนมาเยอะ พบคนมามาก มีข้อมูลประสบการณ์ตรงด้วยตนเอง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีคุณสมบัติพร้อมอุดมการณ์สุจริต มีจุดยืน ความรู้ความสามารถ ฯลฯ มาตรฐานที่สุด ขอเพียงให้โอกาสพรรคอีกครั้งตามที่สมาชิกพรรคเสนอ และเรียกร้องวันอาทิตย์ที่ 9 ก.ค. ประชุมใหญ่ประจำปี พรรค ปชป.เลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เป็นกระบวนการประชาธิปไตยภาคปฏิบัติ ภายในพรรคด้วยความเชื่อมั่นในวิจารณญาณ และจิตสำนึกแห่งอุดมการณ์ของชาว ปชป.ผู้เป็นองค์ประชุมทุกคน ถามกันมามากว่า อ.ผ่องศรีสนับสนุนใครมีใครอยู่ในใจ ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

ก๊ก “เสี่ยต่อ” ยึดข้อบังคับปิดทาง

ผู้สื่อข่าวรายงาน กลุ่ม ส.ส.และอดีต ส.ส.ที่อยู่กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรคและ รมว.เกษตรฯ มีการปรับแผนรับมือกลุ่มที่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ยืนยันให้ยึดข้อบังคับพรรคที่จะคงให้น้ำหนักการโหวตลงคะแนนของ ส.ส.ปัจจุบันของพรรคที่ 70% และโหวตเตอร์อีก 19 กลุ่ม มีน้ำหนัก 30% เช่นเดิม เพื่อปิดทางข้อเสนอของนายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรค ที่เสนอให้ใช้สัดส่วนน้ำหนักการโหวตที่ 50:50 หรือ 1 สิทธิ 1 เสียงเท่าเทียมกัน ต้องใช้มติเสียงสมาชิกในที่ประชุมใหญ่ 3 ใน 5 และยังคงวางตัวนายเดชอิศม์ ขาวทองหรือนายกชาย รักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ให้เป็นผู้ถูกเสนอชื่อลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรค พร้อมนายชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองเลขาธิการพรรค ถูกวางตัวเป็นเลขาธิการพรรค ยกเว้นกรณีที่มีการเสนอของดเว้นการใช้ข้อบังคับพรรคต่อที่ประชุมใหญ่ ที่ต้องใช้เสียง 3 ใน 4 ของที่ประชุมใหญ่รับรอง เพื่อเปิดทางให้คนใหม่ที่เพิ่งเข้าเป็นสมาชิกพรรคไม่ถึง 5 ปี ให้ลงสมัครเป็นกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคในตำแหน่งหัวหน้าพรรคได้ คือนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้เดินสายแนะนำตัวขอเสียงสนับสนุนจากผู้ใหญ่ในพรรค รวมถึง กก.บห.และอดีต ส.ส.บางส่วนไปแล้ว แม้จะผิดหวังเพราะส่วนใหญ่ต่างยืนยันจะสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ ให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง หากที่ประชุมใหญ่เห็นชอบจะมีผู้เสนอชื่อนายสุชัชวีร์ ให้เป็นผู้สมัครหัวหน้าพรรค ปชป. และขยับให้นายเดชอิศม์มาเป็นเลขาธิการพรรคแทน

“มาร์ค” ชั่งใจถอนตัวถ้ามีคู่แข่งขัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกลุ่มผู้สนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง อาทิ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค นายนิพนธ์ บุญญามณี รักษาการรองหัวหน้าพรรคและอดีต ส.ส.พรรคอีกส่วนหนึ่ง เห็นพ้องที่จะเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ให้เป็นหัวหน้าพรรค มีผู้ใหญ่ในพรรคเสนอชื่อต่อที่ประชุม เงื่อนไขของนายอภิสิทธิ์ อยู่ที่ต้องเป็นฉันทามติ คือไม่มีการแข่งขัน เพราะจะสร้างความขัดแย้งซ้ำ ทำให้พรรคไม่เป็นเอกภาพตามที่เคยเรียกร้อง หากมีการเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์และมีผู้เสนอชื่อบุคคลอื่นเข้าแข่งขัน นายอภิสิทธิ์อาจขอถอนตัวจากการถูกเสนอชื่อให้เป็นผู้สมัครเป็นหัวหน้าพรรคปชป.

ขั้ว “เฉลิมชัย” ยังได้เปรียบกุม 18 ส.ส.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามขั้นตอนเมื่อเปิดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีของพรรค ปชป. ก่อนเข้าสู่การพิจารณาวาระการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ จะมีผู้เสนอของดใช้ข้อบังคับพรรคในกรณีสัดส่วนการโหวตของ ส.ส.ที่ 70% กลุ่มของนายเฉลิมชัยยืนยันว่าจะใช้ข้อบังคับพรรคนี้ โดยไม่มีการยกเว้นให้ เพื่อปิดทางกรณีขอให้สัดส่วน 50:50 หรือ 1 สิทธิ 1 เสียง หากแผนนี้สำเร็จจะใช้การเสนอชื่อนายเดชอิศม์ ขาวทอง เป็นหัวหน้าพรรค ยกเว้นกรณีที่มีการขอเสนองดเว้นข้อบังคับพรรคเรื่องคนใหม่ที่เป็นสมาชิกพรรคไม่ถึง 5 ปี ได้รับการรับรอง จะเสนอชื่อนายสุชัชวีร์ หรือถ้าถูกคนคัดค้านในที่ประชุมใหญ่พรรค แผนสุดท้ายจะมีการเสนอชื่อคนกลางที่เป็นอดีต ส.ส.ขึ้นมาเป็นผู้สมัครเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ แต่ความได้เปรียบยังอยู่กับฝ่ายของนายเฉลิมชัย เพราะคุมเสียง ส.ส.ได้ราว 18 เสียง จากทั้งหมด 25 เสียง จนถึงช่วงเย็นวันที่ 8 ก.ค.ท่าทีของ 2 กลุ่มในพรรค ยังไม่มีการเจรจาประนีประนอมกัน

ปรับแผนชงอดีต ส.ส.คนกลางลดเสียงยี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดช่วงเวลา 19.30 น. นายเฉลิมชัยหารือได้ข้อสรุปเคาะชื่อผู้ลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรคโดยจะเปลี่ยนไปเสนอชื่อคนกลางที่เป็นอดีต ส.ส.4-5 สมัยของพรรค ลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรค ปชป.แทน เพื่อลดข้อครหาและภาพลักษณ์ของนายเดชอิศม์ที่หลายฝ่ายมองว่ามีภาพของผู้มีอิทธิพลและมีคดีความต่างๆ ไม่สง่างามเหมาะสมกับการเป็นหัวหน้าพรรค และจะขยับให้นายเดชอิศม์ ไปเป็นเลขาธิการพรรคแทน ขณะเดียวกันให้คนในกลุ่มแจ้งผ่านคนสนิทของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคที่มีผู้ใหญ่ในพรรคสนับสนุนให้รับทราบ คาดว่านายอภิสิทธิ์จะถอนตัวไม่ลงสมัครหากได้รับการเสนอชื่อ แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะหน้าในที่ประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีของพรรค ปชป. ที่อาจจะเกิดความเปลี่ยนแปลงได้